จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ร่วมกิจกรรม "112 เมตรกับความทุเรศของรัฐบาล" ที่บริเวณเกาะพญาไท อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบริเวณสามย่านมิตรทาวน์ รวมอย่างน้อย 7 คน ส่งกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 (ตชด.ภาค 1) โดยแจ้งว่ามีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา
ล่าสุด นรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความถึงกรณีการควบคุมตัวผู้ร่วมชุมนุมไปยัง ตชด.ภาค 1 ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 83 ระบุว่า จะต้องพาตัวผู้ถูกจับกุมไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวน ซึ่งได้แก่ สน.พญาไท และ สน.ปทุมวัน
นรเศรษฐ์ กล่าวต่อว่า กรณีตำรวจยึดโทรศัพท์ของผู้ร่วมกิจกรรมโดยไม่มีคำสั่งศาล ถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากโทรศัพท์ไม่ใช่สิ่งของที่มีไว้เป็นความผิด ใช้ในการกระทำความผิด หรือได้มาจากการกระทำความผิด ดังนั้นโทรศัพท์จึงถือเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจในการยึด
“ตำรวจยึดโทรศัพท์ประชาชนที่ไปทำกิจกรรมทำให้ผู้ถูกควบคุมตัวไม่สามารถติดต่อญาติหรือทนายความได้ ระหว่างนี้ก็จะไม่ทราบชะตากรรมว่าจะถูกนำตัวไปที่ไหน จะถูกปฏิบัติอย่างไร สุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง” นรเศรษฐ์กล่าว
ด้าน สุณัย ผาสุข ที่ปรึกษา Human Rights Watch ประจำประเทศไทย กล่าวถึงกรณีการแจ้งข้อหาที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการแจ้งความผิดว่า ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงนั้นสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. 2563 ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจในการอนุญาตให้ใช้ ตชด.ภาค 1 เป็นสถานที่ควบคุมตัว ต้องเอาตัวผู้ถูกจับกุมและไปที่สถานีตำรวจเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง