นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีตประธานกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจองค์การมหาชนและกองทุน อดีต.สส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่ 'นายสันติ ปิยะทัต' รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้ไปดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ) ซึ่งพบว่ามีความไม่เหมาะสม มีผลประโยชน์ทับซ้อนและเกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ ที่สคบ.กำกับดูแลหรือไม่
ทั้งนี้ ตนได้ตรวจสอบพบว่านายสันติ เคยเป็นกรรมการบริหาร บริษัท ... พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) ที่ดำเนินกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ และเคยมีเรื่องถูกร้องเรียนกับคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อบังคับให้บริษัทฯ รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนผู้บริโภค แต่นายสันติ กลับออกมาตอบโต้ตนว่า เจ้าหน้าที่ สคบ. รายงานว่า บริษัทฯดังกล่าวไม่เคยมีเรื่องร้องเรียน กับ สคบ.ซึ่งต่อไปนี้คือหลักฐานชัดเจน
1.บริษัทเคซีฯ นายสันติ เคยเป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้น เคยถูกร้องเรียนกับ สคบ.มาอย่างต่อเนื่องในรอบ 10ปี มานี้
2.ผู้เสียหายหมู่บ้านเคซีฯ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ไปร้องกับ สคบ.ที่ทำเนียบรัฐบาลหลายครั้งแต่ไม่มีความคืบหน้า จนต้องไปร้องกับ ประธานคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคสภาผู้แทนราษฎร
นายจิรายุกล่าวว่า หากคนเป็นรัฐมนตรีถ้าไม่รู้เรื่องว่ามีเรื่องร้องจริง หรือโดนเจ้าหน้าที่ 'อวย' หรือ 'ต้ม' ก็ไม่เหมาะสมที่จะกำกับดูแลหน่วยงานที่มีส่วนได้เสีย อีกทั้งนายสันติกล่าวอ้างว่า ได้ลาออกจากผู้บริหาร แต่จากข้อมูลพบว่านายสันติ เข้าไปประชุมร่วมกับผู้บริหารไม่รู้กี่ครั้งตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมาใช่หรือไม่
ส่วนที่ออกมาระบุว่าขายหุ้นไปก่อนรับตำแหน่งแล้วนั้นซึ่งวันนี้ยังพบว่า นายสันติ ยังมีหุ้นติดอันดับ top 10 กว่า 100 ล้านหุ้น ของบริษัท เคซีฯ อยู่ ตามข้อมูลรายละเอียดที่ปรากฏในเว็บไซต์ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. ซึ่งนายสันติ ต้องชี้แจงต่อสังคม ว่ายังถือหุ้นบริษัทที่ตัวเองเคยเป็นทั้งผู้บริหารและผู้ถือหุ้น จะดำเนินคดีหรือติดตามเรื่องราวต่างๆ ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างไร
หากนายสันติ พยายามอธิบายว่า ได้ขายหุ้นดังกล่าวกว่า 100 ล้านหุ้น ก่อนเข้ารับตำแหน่ง นายสันติ ยิ่งต้องชี้แจงว่าขายให้ใครและขายในราคาเท่าใดรับเงินจริงหรือไม่ ซึ่งตนจะทำเรื่องสอบถามไปยังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต.ต่อไป