ไม่พบผลการค้นหา
ศบค. แถลง ยอดผู้ป่วยใหม่ 53 ราย จากศูนย์กักขังแรงงานต่างชาติ 42 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ชี้หากคลายล็อก มาตรการต้องเข้มเหมือนตอนประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

วันที่ 25 เม.ย. 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 พบว่า มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 53 ราย หายป่วย 2,547 ราย รักษาตัวที่ รพ. 309 ราย รวมยอดสะสมในไทย 2,907 ราย พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย (รวม51 ราย) เป็นผู้ชาย 48 ปี อาชีพรับงาน สัมผัสผู้ป่วยในครอบครัวถึง 4 คน 

ส่วนรายละเอียดของผู้ป่วยรายใหม่แบ่งเป็น 

- ใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 3 ราย

- ไปสถานที่ชุมนุม 1 ราย

- ค้นหาเชิงรุกในชุมชนที่ ยะลา 7 ราย

- อยู่ในพื้นที่กักขังแรงงานต่างชาติ จ.สงขลา 42 ราย แบ่งเป็นสัญชาติเมียนมา 34 คน เวียดนาม 3 คนมาเลเซีย 2 คน เยเมน 1 คน กัมพูชา 1 คน และอินเดีย 1 คน

โดยกลุ่ม 42 คนนี้มีร่างกายแข็งแรงดี อาการไม่มาก แต่จะมีการนำเครื่องเอ็กซเรย์ปอดเข้าไปตรวจว่ามีอาการอย่างไรบ้าง แม้ว่าแรงงานเหล่านี้จะเข้ามาอย่างผิดกฎหมายแต่จะต้องดูแลตามหลักมนุษยธรรมให้คนเหล่านั้นปลอดจากโรค

ส่วนพื้นที่จังหวัดที่มีการทำ PUI หรือผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สะสมโรคที่มีกลุ่มอาการไอไข้หรือมีน้ำมูกก่อนทำ PCR หรือตรวจสารคัดหลั่งหลังโพรงจมูก สะสมมากกว่า 1,000 คน ประกอบไปด้วยกรุงเทพมหานคร 12,071 คน ยะลา 4,557 คน นนทบุรี 3,652 คน ชลบุรี 2,207คน ภูเก็ต 2,182 คน และสมุทรปราการ 1,326 คน

สำหรับคนไทยที่ตกค้างในต่างประเทศและจะเดินทางกลับ วันที่ 25 เม.ย. เป็นคนไทยเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่านเที่ยวบิน W5051 เวลา 07:25 น.จำนวน 21 คน เป็นคนไทยเดินทางกลับจากประเทศอินเดียเที่ยวบิน FD 9123 เป็นแบบเช่าเหมาลำเวลา 15.10 น. จำนวน 171 คน ในวันที่ 26 เม.ย. เป็นคนไทยเดินทางกลับจากประเทศออสเตรเลียเที่ยวบิน TG 476 จำนวน 212 คน ในเวลา 16.20 น. เป็นคนไทยนักเรียน แรงงาน ที่ยังตกค้างในภายในประเทศ

ส่วนมาตรการขนส่งสินค้าบริเวณด่านชายแดนต้องมีมาตรการกำหนดพื้นที่ควบคุมประกอบด้วยกำหนดพื้นที่ขนส่งสินค้าบริเวณด่าน ให้มีการตั้งจุดคัดกรองและพ่นยาฆ่าเชื้อ รวมไปถึงจัดพื้นที่กักกันหากมีความจำเป็น ด้านมาตรการควบคุมให้กำกับผู้ขนส่งให้ขนถ่ายสินค้าด้วยความรวดเร็ว แล้วเมื่อเสร็จแล้วให้ผู้ขับรถรีบกลับประเทศของตนทันที พร้อมกลับไม่ให้คนขับหรือผู้ประจำรถลงจากรถหากไม่จำเป็น คนขับรถหรือคนประจำรถที่เป็นคนสัญชาติไทยต้องกลับประเทศ ภายในเวลา 7 ชั่วโมง

ด้านการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิวในเวลา 22.00 น ถึง 04.00 น. พบผู้กระทำความผิดออกนอกเคหสถาน 595 คนแบ่งเป็นตักเตือน 78 คนและดำเนินคดีทั้งสิ้น 517 คดี ส่วนการมั่วสุมชุมนุมมีผู้กระทำความผิดทั้งสิ้น 40 คนโดยเป็นการดำเนินคดีทั้งหมด 

สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกวันนี้ ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 2,830,082 ราย เสียชีวิต 197,246 ราย ประเทศไทยมียอดผู้ป่วยสะสมอยู่อันดับที่ 57 ของโลก

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงกรณีที่องค์การอนามัยโลกเตือนผู้สูบบุหรี่เสี่ยงติดเชื้อโควิด 19 และมีปัญหามากกว่าคนร่างกายปกตินั้น โฆษก ศบค. ยอมรับว่า ผู้สูบบุหรี่มีความเสี่ยงมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งบางคนใช้บุหรี่มวนเดียวกันอาจจะมีการปนเปื้อนทางน้ำลาย รวมไปถึงบางคนใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีการพ่นออกมาและควันปริมาณมากถือเป็นละอองฝอยและเป็นการนำเชื้อพ่นกระจายไปถูกผู้อื่น ส่วนตนเองนั้นการสูบบุหรี่ทำให้ปอดไม่ค่อยดี สารนิโคตินที่เคลือบปอดจะทำให้การทำงานของปอดไม่ดี พื้นที่ของปอดน้อยลง เชื้อโรคจะเข้าไปจับได้ง่าย

ส่วนการกำชับพื้นที่จังหวัดที่มีการคลายล็อกมาตรการไปแล้วนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหญ่เกินที่จะมีข้อกำหนดต่างๆ ระบุอยู่ ซึ่งพื้นที่จังหวัดถือเป็นหน่วยย่อย หากมีการปลดล็อกก็ห้ามมีมาตรการย่อหย่อนกว่าที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉินกำหนด แต่หากจะมีกฎเกณฑ์ที่เข้มและแข็งกว่าก็ไม่มีปัญหา