ไม่พบผลการค้นหา
คอมมิวนิสต์คิวบาตกที่นั่งลำบาก ประชาชนลุกฮือประท้วงคอมมิวนิสต์ครั้งใหญ่สุดรอบหลายทศวรรษ พบเสียชีวิตแล้ว 1 ราย จากการสลายชุมนุมของตำรวจ ด้านรัฐบาลโบ้ยโทษสหรัฐฯ เบื้องหลังบงการประท้วง

สื่อต่างประเทศรายงานว่า นับตั้งแต่วันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ประชาชนนับหมื่นคนได้รวมตัวกันในกรุงฮาวานา เมืองหลวงของคิวบา เดินขบวนไปตามถนนสายสำคัญของเมือง พร้อมถือป้ายและแสดงจุดยืนและขับไล่รัฐบาลของประธานาธิบดีมิเกล ดิแอซ-คาเนล ที่ไม่สามารถบริหารจัดการรับมือกับวิกฤตต่างๆ ของประเทศได้ สาเหตุหลักของการตบเท้าออกมาประท้วงในครั้งนี้คือ วิกฤตเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้นประกอบกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19

สำหรับมิเกล ดิอัซ- กาเนล เพิ่งรับตำแหน่งผู้นำคิวบาคนใหม่ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ก็ไม่อาจแก้ไขวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิดซึ่งยืดเยื้อมาตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อนหน้าได้ โดยข้อมูลการระบาด ณ 1 กรกฎาคม ทางการคิวบาได้รายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,750 คน มีผู้ติดเชื้อสะสม 238,491 คนและผู้เสียชีวิตแล้ว 31 คน นับเป็นสถิติการติดเชื้อและเสียชีวิตสูงสุดนับตั้งแต่มีการระบาด ระบบสาธารณสุขของประเทศรับภาระหนักจนใกล้ถึงจุดล่มสลาย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าสถานการณ์ระบาดอาจร้ายแรงกว่านี้โดยเฉพาะตัวเลขผู้เสียชีวิตและติดเชื้อที่ยังเข้าไม่ถึงการตรวจ

คิวบา

ด้านวิกฤตเศรษฐกิจ คิวบาเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลัก เมื่อต้องเผชิญภาวะชะงักงันสืบเนื่องจากวิกฤตโควิด จึงส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจอย่างรุนแรงทำให้เศรษฐกิจหดตัวถึง 11% อีกทั้งยังประเทศนี้เผชิญกับปัญหาที่เรื้อรังมานาน โดยเฉพาะปัญหาภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ปัญหาไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง ปัญหาขาดแคลนอาหาร ยารักษาโรค และสินค้าพื้นฐานต่างๆ  เปเวล วิลดาล นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยปอนติฟิเซีย ฮาวีเรียนา ในโคลอมเบีย ประเมินว่าราคาสินค้าในคิวบาอาจพุ่งสูงขึ้น 500% - 900% ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ 

การประท้วงของชาวคิวบาครั้งนี้นับเป็นการประท้วงใหญ่ที่เกิดขึ้นในรอบหลายทศวรรษ และเกิดขึ้นได้ยากในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ การแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาล หรือวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล เสี่ยงต่อการถูกปราบปรามอย่างรุนแรงได้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพลังของประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้ได้

คิวบา

ที่เมืองซานอันโตนิโอ เด ลอส บานอส ทางตะวันตกของกรุงฮาวานา ชาวคิวบานับร้อยคนพากันออกไปที่ถนนต่างชูธงชาติ และพากันตะโกนว่า "เราไม่กลัว เราต้องการความเปลี่ยนแปลง เราไม่ต้องการระบอบเผด็จการอีกต่อไป"  

ปัญหาความเดือดร้อนที่รัฐบาลไม่พยายามจะแก้ไข ชาวเมืองต้องใช้ชีวิตแบบไร้กระแสไฟไปเกือบหนึ่งสัปดาห์ในช่วงที่อากาศร้อนที่สุดในเดือนกรกฎาคม ชาวเมืองไม่อาจเพิกเฉยกับสถานการณ์อันคับข้องใจนี้ได้อีกต่อไปกลายเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่

คิวบาแม้เป็นประเทศคอมมิวนิสต์แต่ก็ยังคงสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ แม้จะอยู่ในวงจำกัดและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจะเป็นไปด้วยความยากลำบากก็ตาม แต่มีรายงานผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต ได้อาศัยช่องทางทางโซเชียลมีเดียในการกระจายข้อมูลข่าวสาร เผยแพร่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคิวบาให้โลกรับรู้ บนโลกออนไลน์ชาวคิวบาทั้งในและต่างประเทศพากันติดแฮชแทก #SOSCuba หรือ โปรดช่วยคิวบาด้วย กลุ่มผู้ประท้วงได้เผยแพร่ภาพการประท้วง ภาพตำรวจใช้ความรุนแรงกับประชาชน ตลอดจนเป็นช่องทางการบริจาคอาหารและยาต่างๆ เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ประชาชนจะกระจายความช่วยเหลือเพื่อประชาชนด้วยกันเอง

คิวบา

มีรายงานผู้บริสุทธิ์ถูกจับกุมหรือสูญหายแล้วมากกว่า 100 คน ภายหลังออกมาเคลื่อนการประท้วง หนึ่งในบรรดาผู้ต้องขังคือนักข่าวของสำนักข่าวเอบีซี ABC สื่อภาษาสเปนที่รายงานความเคลื่อนไหวแถบละตินอเมริกา คามิลลา อคอสตา (Camila Acosta) รายงานระบุว่าเธอถูกจับกุมในเช้าวันที่ 12 กรกฎาคม ขณะที่กำลังออกจากบ้านพักในกรุงฮาวานา เจ้าหน้าที่ทางการของคิวบาได้ค้นบ้านและนำคอมพิวเตอร์ของเธอไป โดยเธอเป็นหนึ่งในนักข่าวที่เขียนรายงานเกี่ยวกับการประท้วงต่อต้านรัฐบาล 

จากเหตุการณ์เคลื่อนไหวประท้วงครั้งนี้ กระทรวงกิจการภายในของคิวบาเปิดเผยว่าพบผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายวัย 36 ปี ชื่อ Diubis Laurencio Tejeda ในระหว่างการปะทะของตำรวจกับผู้ชุมนุมในวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา แม้รัฐบาลฮาวานาจะแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต ทว่ายังทิ้งท้ายโดยโทษว่า เป็นผลจากการที่กลุ่มผู้ชุมนุมนั้นได้ใช้ความรุนแรงและโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน 

วัลโด เอร์เรรา (Waldo Herrera) ชายผู้สังเกตการณ์ในเหตุประท้วง วัย 49 ปี เผยสำนักข่าวรอยเตอร์ว่าผู้ประท้วง “เดินอย่างสงบเคลื่อนไหวอย่างสงบ พร้อมตะโกนขับไล่คอมมิวนิสต์ด้วยวลี อาทิ 'คอมมิวนิสต์จงย่อยยับ' 'เสรีภาพสำหรับชาวคิวบา' 'เราไม่มี ยา เราต้องการอาหาร' อาจจะมีบ้างที่ผู้ชุมนุมขว้างปาหินใส่ตำรวจ แต่ตำรวจสวนกลับด้วยกระสุนปืน

คิวบา

รัฐบาลคิวบาไม่ได้ระบุว่ามีผู้ถูกจับกุมหรือได้รับบาดเจ็บจำนวนเท่าใด และจากการแถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์ ประธานาธิบดีคาเนล กล่าวโทษว่า สาเหตุของภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการขาดแคลนอาหารที่เกิดขึ้นมาจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และกล่าวว่าสหรัฐฯ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความไม่สงบดังกล่าว พร้อมเตือนประชาชนที่ชุมนุมประท้วงว่ารัฐบาลคิวบาจะไม่อดทนต่อการยั่วยุและกดดันรัฐบาลที่เพิ่มมากขึ้นกว่านี้ ทั้งยังขู่ว่า รัฐบาลจะไม่มีการผ่อนปรนให้มีการประท้วงอีกต่อไป เพราะการประท้วงถือเป็นอาชญากรรม และผู้ประท้วงนั้นก็เป็นอาชญากร 

ขณะเดียวกัน บริษัทตรวจสอบอินเทอร์เน็ตระดับโลก NetBlocks กล่าวว่ารัฐบาลคิวบาได้จำกัด การเข้าถึงโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มการส่งข้อความรวมถึง Facebook และ WhatsApp เพื่อสกัดกั้นการนัดหมายการชุมนุมแล้ว ด้านท่าทีของสหรัฐฯ หลังจากที่ถูกกล่าวว่าอยู่เบื้องหลังของการปลุกระดมนั้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดนก็ออกมาแถลงว่า “เราจะยืนเคียงข้างและสนับสนุนการเคลื่อนไหวของชาวคิวบา และเรียกร้องให้รัฐบาลฟังเสียงประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจากความทุกข์ทรมาณทางเศรษฐกิจและการระบาดครั้งใหญ่ รวมถึงการไร้อิสรภาพในการแสดงความคิดเห็น”

ที่มา: CNN , Aljazeera1 , Aljazeera2 , Aljazeera3