ที่อาคารรัฐสภา ตัวแทน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ สาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ ร่วมกันแถลงข่าวแสดงความกังวลต่อร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง

สาทิตย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากประชาชนในหลายพื้นที่ได้แสดงความวิตกกังวลต่อการนำพืชกัญชา กัญชง ออกจากความเป็นยาเสพติด จนล่าสุด ศูนย์ศึกษาปัญหายาเสพติดแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลจุฬาฯ ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสดงความกังวลต่อ ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่อาจส่งผลเสียต่อประชาชน โดยเฉพาะเด็ก

สาทิตย์ ยังกล่าวต่อว่า เมื่อได้พิจารณาเนื้อหาของกฎหมาย ที่เคยคาดหวังว่าจะมีมาตราการที่เข้มแข็งในการควบคุมการใช้กัญชาให้เป็นไปเพื่อการแพทย์ แต่กลับพบว่ายังมีความหละหลวมมาก เช่น ยังมีลักษณะเป็นกฎหมายที่ส่งเสริม สนับสนุนการปลูกกัญชา อนุญาตให้คนทั่วไปปลูกได้ ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์เห็นแล้วว่า ดูจะเปิดช่องให้การใช้กัญชาเป็นไปเพื่อสันทนาการ ซึ่งอาจเกิดผลร้ายตามมาได้

เป็นเหตุให้ พรรคประชาธิปัตย์มีมติร่วมกัน 2 เรื่อง คือ 1) ขอให้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ทบทวนประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด ขอให้ทบทวนเพื่อนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด และ 2) ขอให้คณะกรรมาธิการฯ ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชง กัญชา ซึ่งยังมีเนื้อหาหละหลวม ออกไปก่อน เพราะ หากกระทรวงสาธารณสุขเหตุการณ์ทบทวนประกาศแล้ว กฎหมายก็อาจจะต้องมีการทบทวนเพื่อล้อตามกันไป เช่นอาจจะเหลือให้ครอบคลุมเพียงแค่พืชกัญชง

หากในวันนี้กฎหมายฉบับดังกล่าวเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็จะลุกขึ้นอภิปราย และได้แจ้งต่อที่ประชุมให้ทราบว่าเรามีท่าทีต่อร่างกฎหมายนี้อย่างไร โดยทางพรรคประชาธิปัตย์ได้แจ้งต่อคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลปิดรัฐบาลให้ทราบแล้ว

"เราคาดหวังว่า เรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจมีมติ และได้ดำเนินการไปนั้น เป็นการรับฟังเสียงของประชาชน ของวงการแพทย์ วงการสาธารณสุข วงการการศึกษา พี่น้องประชาชนที่เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนโดยทั่วไป เป็นประเด็นเรื่องหลักการ ไม่ใช่ประเด็นเรื่องทางการเมืองแต่อย่างไร"

ทั้งนี้ สาทิตย์ ยังมองว่าประเด็นนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อการร่วมรัฐบาล เพราะเป็นการพูดด้วยหลักเหตุผล ความรับผิดชอบต่อสังคม ก็คาดหวังว่าพรรคพวกรัฐบาลที่ได้ประกาศเรื่องนี้เป็นนโยบาย จะเข้าใจ และปรับท่าทีตามเหตุผลที่หลายฝ่ายได้แสดงความกังวล เชื่อว่าพรรคการเมืองนั้นจะรับทราบแล้วเช่นเดียวกัน