ไม่พบผลการค้นหา
เพจ ThaiArmedForce คาด ยกเลิกเกณฑ์ทหารไม่เกิน 2570 ชี้แผน ‘ปฏิรูปกองทัพ’ ลดงบฯ ได้ 2.9 พันล้าน

จากกรณีกระทรวงกลาโหมประกาศแผนแผน 'ปฏิรูปกองทัพ' ถึงปี 2570 โดยลดนายพลลง 50% ลดกำลังพล 1.2 หมื่นนาย ประหยัดงบประมาณได้ 2.9 พันล้าน ถอนกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนใต้บางส่วน และส่งสัญญาณยกเลิกเกณฑ์ทหาร ใช้แบบสมัครใจนั้น

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. อนาลโย กอสกุล แอดมินเพจวิเคราะห์ด้านการทหารชื่อดัง ‘ThaiArmedForce’ ให้ความเห็นกับ ’วอยซ์’ ว่า การประกาศปฏิรูปกองทัพของกลาโหมในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่มาก และไม่ใช่การปฏิรูปใหญ่มาก เนื่องจากหลายเรื่องเป็นแผนที่มีมานาน และเปลี่ยนไปตามเวลา เราจะไม่ได้เห็นการปฏิรูปแบบพลิกฝ่ามือ อาจมองได้เป็นการปฏิรูปเล็กภายใน

อย่างไรก็ตาม การประกาศของกระทรวงกลาโหมที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะการปรับการเกณฑ์ทหารที่มีหลักประกันชัดเจนแล้วว่าจะสามารถยกเลิกได้แน่นอนภายในปี 2570 เนื่องจากในปัจจุบัน ฝ่ายกองทัพและฝ่ายการเมืองที่กำลังจะก้าวเข้ามามีอำนาจมีความเห็นตรงกันในเรื่องนี้โดยไม่ได้นัดหมาย แต่วิธ๊การและผลลัพธ์อาจจะต่างกัน ไม่เกิน 3-4 ปี ได้เห็นการเลิกเกณฑ์ทหารแน่นอน

ขณะที่การลดหน่วยทหารที่ไม่จำเป็น ก็เป็นเรื่องที่ดีที่ไทยจะไม่ต้องเสียงบประมาณซื้อยุทโธปกรณ์มากมายเช่นเดิม ส่วนการลดจำนวนนานพล 50% นั้น ตัวเลขจะตรงกันกับข้อเสนอของฝ่ายการเมืองหรือไม่

ส่วนการประกาศช่วงนี้ บางเรื่องมีข่าวมาหลายปีแต่ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ อาจมองได้ว่ามีนัยหรือไม่มีนัยทางการเมืองก็ได้ อาจเป็นการตอบสนองต่อแรงกดดันจากสังคม ที่ดรียกร้องให้มีการปฏิรูปกองทัพ หรือชี้ให้เห็นว่ากองทัพเองก็เดินหน้าดำเนินการเองอยู่แล้ว

ทั้งนี้ อนาลโยเชื่อว่า แผนการปฏิรูปกองทัพของพรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล น่าจะแรงกว่าและสามารถปฏิรูปที่โครงสร้างมากกว่าแผนของกลาโหม

นอกจากนี้ ‘ThaiArmedForce’ ได้เขียนวิเคราะห์แผนปฏฺิรูปกองทัพของกระทรวงกลาโหมผ่านเพจเฟศบุ๊ก โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นดังนี้

การยุติการเสริมสร้างกองพลทหารราบที่ 7 และกองพลทหารม้าที่ 3

สองกองพลที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในช่วงสิบกว่าปีหลังตามอัตราที่กองทัพบกอยากเห็น แต่ที่ผ่านมามีอุปสรรคในหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบประมาณที่ต้องใช้ในหลักหลายหมื่นล้านบาทถ้าจะบรรจุยุทโธปกรณ์และกำลังพลให้ครบตามอัตรา ซึ่งเวลาที่ผ่านมา เหมือนกองทัพบกเริ่มจะยอมรับความจริงได้แล้วว่ากองทัพบกไม่มีทรัพยากรที่จะสามารถบรรจุได้

ยังไม่รวมการที่มีเสียงวิพากวิจารณ์มาตั้งแต่ต้นก็คือความจำเป็นในการตั้งกองพลเพิ่ม โดยเฉพาะกองพลทหารม้าที่ 3 ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีหน่วยทหารม้าถึง 3 กองพล ซึ่งเมื่อเทียบกับสถานการณ์ในปัจจุบันควรจะถือว่ามากเกินไป และการตั้งกองพลนี้เป็นการดึงทรัพยากรของกองทัพบกมาใช้เป็นจำนวนมาก ทำให้หน่วยงานอื่นได้รับทรัพยากรมาสนับสนุนน้อยลง

ดังนั้นการยุติการเสริมสร้างกำลังของสองกองพลนี้จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และทำให้กองทัพบกคงไม่ต้องจัดหายุทโธปกรณ์ลงในสองกองพลนี้ไปอีกพักใหญ่ และสามารถนำงบประมาณไปใช้ในส่วนที่สำคัญและถูกละเลยได้มากกว่า

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้เป็นแค่การยุติการเสริมสร้างกำลังรบเท่านั้น อัตราของทั้งสองกองพลนี้ยังคงอยู่ ถ้าตามข่าวที่มีการออกมาก่อนหน้านี้ก็คือกองทัพบกจะปรับเป็นกองพลสำรองเพื่อรองรับการบรรจุในกรณีที่เกิดเหตุสงคราม แต่เราคิดว่าถ้ามีการปฏิรูปกองทัพในแง่ของการจัดหน่วยเตรียมกำลังและหน่วยใช้กำลังใหม่ รวมถึงปรับแนวคิดในการใช้กำลังให้ไม่ต้องมีการเตรียมกำลังเฉพาะพื้นที่ ก็สามารถที่จะปิดอัตราและยุบกองพลลงได้เลย และสามารถนำอัตราที่เหลือนี้ไปใช้ในหน่วยอื่นที่ต้องการ หรือแม้แต่คืนอัตราเพื่อนำงบประมาณมาใช้ในด้านอื่น เช่นการัจดหาอาวุธ หรือการเพิ่มสวัสดิการเพื่อรองรับการยกเลิกเกณฑ์ทหารได้

การลดตำแหน่งนายพลลง

ยังไม่เคยมีเอกสารอย่างเป็นทางการจากกระทรวงกลาโหม เนื่องจากกระทรวงกลาโหมไม่เคยเผยแพร่ แต่จากการกะด้วยสายตาจากการปรับย้ายในแต่ละรอบนั้น เราเชื่อว่ากระทรวงกลาโหมของไทยมีนายทหารชั้นนายพลมากกว่า 2,000 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูงมาก และต้องใช้งบประมาณหลายพันล้านบาทต่อปีในการจ่ายเงินเดือนและสวัสดิการต่าง ๆ ที่ได้รับเทียบเท่าระดับอธิบดี แต่ในทางกลับกัน นายทหารชั้นนายพลที่มีตำแหน่งและมีงานทำจริงกลับมีค่อนข้างน้อยตามโครงสร้างของกองทัพ นายทหารชั้นนายพลส่วนหนึ่งจึงไม่มีงานทำจริงจัง รับเงินเดือนอย่างเดียว ซึ่งถือเป็นความเสียหายทั้งต่อบุคลากรเองและกระทรวงกลาโหมเอง

การลดนายพลลงนั้นถือว่าเป็นที่ต้องทำ แม้ทั้งฝ่ายการเมืองและกระทรวงกลาโหมจะเห็นตรงกันว่านายพลต้องลดลง แต่วิธีการลดและจำนวนที่ลดลงได้นั้นจะยังแตกต่างกันอยู่ แต่สุดท้ายเราเชื่อว่าเราควรจะหาทางออกร่วมกัน และหาทางออกที่ไม่กระทบกับสิทธิของข้าราชการมากเกินไปในขณะที่สามารถลดจำนวนนายพลลงได้ เช่น การเสนอแพ็คเก็จเกษียณอายุก่อนกำหนดให้ หรือการปรับโครงสร้างหลาย ๆ หน่วยที่จะลดจำนวนตำแหน่งนายพลลงได้ ซึ่งเราเชื่อว่าแผนของฝ่ายการเมืองน่าจะมีการดำเนินงานที่มากกว่าแผนของกระทรวงกลาโหมแน่นอน แต่ก็จะต้องมาปรับเข้าหากันต่อไป

การ #ยกเลิกเกณฑ์ทหาร

เราเชื่อยกเลิกเกณฑ์ทหารเกิดขึ้นแน่นอน แค่จะทำยังไงและทำแบบใดเท่านั้น ทิศทางของฝ่ายการเมืองที่มีการส่งสัญญาณมาก็คือต้องการให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารโดยทันที แต่กองทัพต้องการยกเลิกแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วเราพบว่า ทั้งสองทางเลือกมีความเป็นไปได้เหมือนกัน แค่วิธีการต่างกันเท่านั้น

การยกเลิกการเกณฑ์ทหารในทันทีอาจทำได้โดยการปรับลดจำนวนความต้องการทหารให้สอดคล้องกับภัยคุกคาม การขจัดตำแหน่งลอยที่ไม่มีคนทำงานจริง การลดหรือยุบหน่วยงานบางหน่วยลงและคืนอัตราพร้อมเสนอแพ็คเก็จเกษียณอายุหรือเกลี่ยกำลังพลใหม่ หรือนำงบประมาณมาเพิ่มสวัสดิการและเงินเดือนเพื่อรองรับการรับทหารด้วยความสมัครใจ ซึ่งมีรายละเอียดหลายประการที่เราเคยเล่าให้ฟังไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้

แต่โดยสรุปก็คือ ข้อถกเถียงตอนนี้คงไม่ใช่ว่าควรจะยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรือไม่ เพราะหลายฝ่ายมองไปในทางเดียวกันว่าควรยกเลิก แต่ข้อถกเถียงคือจะยกเลิกอย่างไรให้ประเทศไทยยังมีกองทัพที่มีประสิทธิภาพและงบประมาณรองรับได้ และเราน่าจะได้เห็นการยกเลิกการเกณฑ์ทหารภายในไม่กี่ปีนี้แน่นอน