ไม่พบผลการค้นหา
คอซีรีส์ไซไฟไม่ควรพลาด เมื่อคันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง วิเคราะห์สองซีรีส์ไซไฟแห่งยุค ในวันที่เทคโนโลยีรุกล้ำเข้ามาในชีวิตเราทุกมิติ ในคอลัมน์ สำส่อนทางความบันเทิง

คาดว่าคุณผู้อ่านน่าจะเคยผ่านชื่อของซีรีส์ไซไฟสัญชาติอังกฤษ Black Mirror มาบ้างนะครับ ยิ่งช่วงสิ้นปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้อาจจะเห็นตามหน้าฟีดมากเป็นพิเศษ เพราะซีซั่นที่ 4 ของซีรีส์เพิ่งออกอากาศเมื่อ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่ซีรีส์ที่จงใจออนแอร์ช่วงปีใหม่แทนที่จะมีบรรยากาศสุขสันต์หรือเป็นมิตรกับครอบครัว กลับกลายเป็น Black Mirror ซีซั่นที่ 4 แทบทุกตอนนำไปซึ่งความทุกข์ทรมานทางใจ


Black Mirror

Black Mirror เป็นผลงานการสร้างของชาร์ลี บรู๊คเกอร์ เริ่มออกอากาศทางช่อง Channel 4 เมื่อปี 2011 คอนเซ็ปต์ว่าด้วยโลกอนาคตและเทคโนโลยีล้ำสมัย มีเอกลักษณ์ตรงที่เป็นเรื่องจบในตอน ไม่จำเป็นต้องดูต่อเนื่องกัน ซึ่ง Black Mirror เลือกเปิดตัวแบบ ‘แรง’ มาก เพราะ The National Anthem ตอนแรกของซีรีส์ว่าด้วยนายกรัฐมนตรีที่ถูกบังคับให้เสพสมกับหมูเพื่อแลกกับความปลอดภัยของรัชทายาท ด้วยพล็อตเรื่องน่ากระอักกระอ่วนใจเช่นนี้ จึงเป็นตัวชี้วัดได้ดีว่าคุณรับซีรีส์ชุดนี้ได้หรือไม่ (ผู้เขียนมักพูดติดตลกกับเพื่อนว่า Black Mirror ของแท้ดูแล้วต้อง ‘ปวดตับ’)

อย่างไรก็ดี Black Mirror เริ่มเป็นที่รู้จักและพูดถึงในวงกว้างช่วงซีซั่นสาม (ปี 2016) เนื่องจากมันย้ายมาออกอากาศทาง Netflix เนื้อหาส่วนใหญ่ในซีซั่นนี้จะพูดถึงอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย ทั้งระบบการใช้คะแนนผู้คนในตอน Nosedive, เด็กหนุ่มผู้ถูกแบล็คเมล์ทางอินเตอร์เน็ต (Shut Up and Dance) หรือแฮชแท็กทวิตเตอร์ที่ทำไปสู่การล่าแม่มด (Hated in the Nation) แต่ตอนที่โด่งดังที่สุดคือ San Junipero ว่าด้วยสองสาวที่พบรักกันในโลกจำลองแห่งหนึ่ง ผู้คนชื่นชอบเพราะดูเหมือนมันจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง แต่แน่นอนว่าถ้าลองพิจารณาให้ดีก็อาจไม่ใช่


Black Mirror.jpg

สำหรับซีซั่นสี่ ดูเหมือนบรู๊คเกอร์จะมุ่งความสนใจไปที่เรื่องของความจริงและความทรงจำแบบดิจิทัล อาทิ ระบบเกมเสมือนจริงใน USS Callister, ระบบตรวจสอบความทรงจำใน Crocodile และการถ่ายเทความทรงจำของคนตายจากตอน Black Museum ซึ่งเรื่องพวกนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวเราอีกต่อไป เช่น ในคอนเสิร์ตคุณอาจเห็นศิลปินที่เสียชีวิตไปแล้วขึ้นมาร้องเพลงบนเวทีด้วยการฉายภาพโฮโลแกรม หรือเมื่อปี 2015 เฟซบุ๊กก็เพิ่งออกนโนบายชื่อ Legacy Contact ให้เราสามารถแต่งตั้งคนที่จะมาจัดการเฟซบุ๊กของเราหลังจากที่ตายไปแล้ว   

อย่างไรก็ดี Black Mirror ซีซั่นสี่ ดูเหมือนจะได้รับเสียงตอบรับแบบกึ่งๆ อยู่เหมือนกัน หลายตอนมีข้อตำหนิไปในทางเดียวกัน เช่น มีถึงสามตอนที่ผู้ชมรู้สึกว่าบทเฉลยของมันออกจะเฉยๆ หรือถึงขั้นไม่เข้าท่านั่นคือ USS Callister, Hang the DJ และ Metalhead ส่วน Black Museum ตอนสุดท้ายของซีซั่นที่เป็นรวมมิตรยำใหญ่ด้วยพล็อตเรื่องสารพัดก็ดูจะจับฉ่ายจนไม่มีเอกภาพเท่าไร


Black Mirror

ตอนที่ผู้เขียนคิดว่าน่าสนใจที่สุดและเป็นตอนที่อื้อฉาวที่สุดคือ Crocodile เล่าถึงหญิงสาวที่ชีวิตกำลังจะพังเพราะเครื่องอ่านความทรงจำย้อนหลัง เธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาสถานภาพของตัวเองไว้ ซึ่งเสียงตอบรับต่อ Crocodile แบ่งเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน ฝั่งหนึ่งบอกว่ามันเลือดเย็นอย่างไม่ประนีประนอม แต่อีกฝั่งกล่าวหาว่ามันโหดร้ายชนิดเกินความจำเป็น แต่สำหรับผู้เขียนมันเป็นตอนที่ท้าทายคนดูในแง่ของการล้ำเส้นทางศีลธรรม


Crocodile black mirror

แม้ว่าคุณภาพของ Black Mirror ซีซั่นสี่อาจจะไม่ได้เลิศเลอ แต่คุณงามความดีของซีรีส์นี้ในแทบทุกตอนคือการนำเสนอโลกอนาคตแบบระยะใกล้ มันทำให้เราเชื่อมโยงกับตัวซีรีส์ได้ง่ายและตระหนักถึงสิ่งรอบข้างมากขึ้น หรือบางครั้งมันเป็นเหมือน ‘คำทำนาย’ ต่อสังคม เช่น เมื่อธันวาคม 2017 มีข่าวรายงานถึงแอพชื่อ Zhima Credit ในประเทศจีนที่ใช้เพื่อให้คะแนนคน คนที่คะแนนมากจะได้สิทธิในการเช่าบ้านหรือจองตั๋วรถไฟก่อนใคร ซึ่งมันคือตอน Nosedive ชัดๆ หรือเมื่อต้นปีนี้ Pizza Hut ประกาศร่วมมือกับ Toyota สร้างรถส่งพิซซ่าแบบไร้คนขับ ซึ่งเรื่องราววายป่วงทั้งหลายในตอน Crocodile ก็มีที่มาจากเจ้ารถพิซซ่าแบบนี้นี่แหละ!

หรือบางทีพวกเราอาจจะอยู่ในโลกยุคเดียวกับ Black Mirror เรียบร้อยแล้วก็ได้


The X-Files

อีกหนึ่งซีรีส์ไซไฟที่เพิ่งออกอากาศตอนใหม่ไปก็คือ The X-Files ซีซั่นที่สิบเอ็ด (เพิ่งออนแอร์ตอนแรกเมื่อ 3 มกราคมที่ผ่านมา) เป็นซีรีส์ที่เคยโด่งดังมากในช่วงยุค 90 ว่าด้วยสองนักสืบเอฟบีไอ โมลเดอร์และสกัลลี่ ที่ต้องเข้าไปพัวพันกับคดีลึกลับพิสดารมากมาย โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว โดย The X-Files นั้นเคยหยุดสร้างไปในช่วงซีซั่นเก้าเมื่อปี 2002 แต่ซีซั่นที่สิบกลับมาออกอากาศอีกครั้งในปี 2016

สาเหตุที่ The X-Files ได้รับความสนใจในช่วงยุค 90 คงเป็นเพราะมันว่าด้วยเรื่องสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก ในยุคที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต การรับรู้ข่าวสารต่างๆ อย่างเป็นไปอย่างจำกัด ปริศนาเรื่องเอเลี่ยนเป็นเรื่องที่ผู้คนหลงใหล คนจำนวนมากเชื่อว่ารัฐบาลกำลังปกปิดข้อมูล อย่างในสหรัฐอเมริกาจะเป็นเรื่องยานบินตกที่เมืองโรสเวลล์เมื่อปี 1947 ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นยูเอฟโอ หรือฐานทัพ Area 51 ในรัฐเนวาดาที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา จนร่ำลือกันว่าเป็นสถานที่เก็บข้อมูลเรื่องมนุษย์ต่างดาว


The X-Files

อีกสาเหตุคงเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของโมลเดอร์กับสกัลลี่ที่ค่อยๆ พัฒนาจากเพื่อนร่วมงานมาเป็นคนรักกัน (กว่าจะได้จูบกันปาเข้าไปซีซั่นเจ็ด!) อย่างไรก็ดีทั้งสองมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเสมอ โมลเดอร์นั้นเป็นฝั่งของผู้ที่เชื่อในปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ส่วนสกัลลี่เป็นฝ่ายตั้งข้อสงสัย แต่ก็มีบางช่วงของซีซั่นที่ทั้งสองสลับเปลี่ยนความเชื่อกัน

สำหรับ The X-Files ซีซั่นที่ 11 แม้จะฉายไปได้ไม่กี่ตอน แต่ปัญหาก็ปรากฏชัดว่ามันมีความ ‘เชย’ ในหลายองค์ประกอบ อย่างตอนแรกสุดของซีซั่นมีการใช้เทคนิควอยซ์โอเวอร์ที่ซีรีส์ยุคใหม่เลี่ยงไม่ใช้กันแล้ว หรือกระทั่งการพยายามอธิบายความซับซ้อนต่างๆ ในเรื่อง ผู้สร้างก็ใช้วิธีให้ตัวละครโผล่ออกมาพูดให้ฟังเป็นฉากๆ ราวกับเลคเชอร์ให้นักศึกษาฟัง อาจสรุปได้ว่าเทคนิควิธีการต่างๆ ไม่ได้ต่างไปจากยุค 90 เลย


The X-Files

ส่วนเคมีของโมลเดอร์กับสกัลลี่ก็สิ้นมนต์ขลังไปแล้ว เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักหรอกว่าสองคนนี้คือใคร แถมในกระแสโลกไหลเร็ว ซีรีส์ทุกเรื่องดำเนินแบบฉับไว ไม่มีใครมานั่งลุ้นความสัมพันธ์ของคนคู่นี้อีกต่อไป ส่วนประเด็นมนุษย์ต่างดาวก็ดูเป็นอะไรที่ ‘เอาท์’ แล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีการพิสูจน์มากมายว่าพวกภาพ/วิดีโอยูเอฟโอหรือศพมนุษย์ต่างดาวทั้งหลายล้วนเป็นเรื่องแหกตา ดังนั้นในปี 2018 การปรากฏตัวของเอเลี่ยนใน The X-Files จึงไม่ใช่ความน่ากลัว แต่กลายเป็นตัวตลกเสียมากกว่า

นอกจากนั้นศัตรูของมนุษย์ยุคนี้ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว แต่เป็น ‘มนุษย์’ ด้วยกันต่างหาก ประชาชนทั่วไปกลัวผู้ก่อการร้าย พวกขวาจัดกลัวผู้ลี้ภัย ฝั่งซ้ายกลัวพวกชาตินิยม ผู้ชายในฮอลลีวู้ดกลัวถูกผู้หญิงยัดข้อหา #MeToo ส่วนทั้งโลกก็กลัวผู้นำบ้าคลั่งแบบโดนัลด์ ทรัมป์ กับ คิมจองอึน ที่ไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะยิงระเบิดนิวเคลียร์ใส่กันเมื่อไร

ผู้สร้าง The X-Files อย่าง คริส คาร์เตอร์ อาจคิดว่าสิ่งเขาทำอยู่คือการคงเสน่ห์ดั้งเดิมแบบ The X-Files เอาไว้ แต่ซีรีส์ที่ยังติดอยู่โลกเก่าและไม่ปรับตัวก็อาจจะหมดลมหายใจไปในที่สุด