สำนักงานการต่างประเทศและเครือจักรภพ (FCO) กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ เผยข้อมูลการทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินสถานทูตอังกฤษในกรุงเทพฯ ให้แก่ฮ่องกงแลนด์ กิจการร่วมทุนในเครือจาร์ดีน แมททีสัน และเครือเซ็นทรัล โดยระบุว่าเป็นการซื้อขายที่ดินที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย และเป็นการขายที่ดินมูลค่าสูงสุดของ FCO ส่วนรายได้จากการขายที่ดินจะถูกนำไปใช้ในโครงการใหม่ของรัฐบาลอังกฤษได้อีกประมาณ 30-40 โครงการทั่วโลก ซึ่งเป็นโครงการที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคง สุขภาพ ความปลอดภัย
โดยการขายสถานทูตในกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในการดำเนินงานตามนโยบายของ FCO ที่สั่งพิจารณาทบทวนการถือครองทรัพย์สินของสหราชอาณาจักรในต่างแดน
ขณะที่ นักการทูตและบุคลากรทั้งหมดของสถานทูตจะทยอยย้า��ไปยังอาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ ซึ่งจะเป็นสถานที่ทำการแห่งใหม่ ภายในปี 2562 ส่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหราชอาณาจักร (UKVI) จะย้ายส่วนงานพิจารณาวีซ่าจากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2561 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม มาตรฐานและขั้นตอนการบริการด้านวีซ่าสำหรับผู้ขอวีซ่าในไทยจะคงเดิมทุกประการ คือ ผู้ขอวีซ่าจะต้องดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ จากนั้นจึงเก็บลายนิ้วมือ ถ่ายภาพใบหน้า พร้อมยื่นเอกสารประกอบที่ศูนย์รับคำร้องขอวีซ่าในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ซึ่งดูแลโดย 'วีเอฟเอสโกลบอล'
This morning we have signed a deal that will see our Embassy in Bangkok move to a modern new home next year, and raise at least £420m to be reinvested in our global estate https://t.co/FjtH2of6xW pic.twitter.com/USeApi8kXl
— Foreign Office 🇬🇧 (@foreignoffice) January 31, 2018
นายไซมอน แม็คโดนัลด์ ปลัดสำนักการต่างประเทศฯ ระบุว่า ปัจจุบัน รัฐบาลออกมาตรการรัดเข็มขัดทางเศรษฐกิจออกมาเป็นจำนวนมาก และการตัดสินใจดำเนินการในเรื่องที่ยากลำบากเช่นนี้จะช่วยให้อังกฤษสามารถธำรงบทบาทในเวทีโลกได้ เพื่อใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนอย่างคุ้มค่าที่สุด ส่วนการย้ายสถานทูตไปยังอาคารที่มีความทันสมัยและปลอดภัยมากขึ้นจะเป็นสิ่งที่สะท้อนอย่างชัดเจน ว่าอังกฤษต้องการที่จะรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวที่มีกับประเทศไทยต่อไป
ทั้งนี้ สถานทูตอังกฤษบริเวณถนนวิทยุของกรุงเทพฯ สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1922 (พ.ศ.2465) และที่ผ่านมาต้องใช้งบประมาณในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาที่สูงมาก
ขณะที่ สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า "ราคาขายดังกล่าวมีมูลค่าสูงเกือบถึงครึ่งหนึ่งของงบประมาณหลักประจำปี จำนวน 1.2 พันล้านปอนด์ (ราว 5.39 หมื่นล้านบาท) ของ FCO"
อย่างไรก็ตาม แม้จะย้ายส่วนงานต่างๆ ของสถานทูตฯ ไปยังอาคารใหม่ในกรุงเทพฯ แต่พระบรมรูปของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียของอังกฤษจะคงอยู่ที่เดิม
ทั้งนี้ การขายที่ดินสถานทูตต่างประเทศในไทยครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก โดยเมื่อเดือน ม.ค. 2560 สถานทูตออสเตรเลียก็ได้ประกาศขายที่ดินเนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน 82 ตารางวา บนถนนสาทร ติดถนนสวนพลู โดยบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชนะการประมูลซื้อที่ดินดังกล่าวไป ด้วยมูลค่าที่ดิน 4,600 กว่าล้านบาท หรือ ตารางวาละ 1.45 ล้านบาท และเมื่อปี 2554 สถานทูตญี่ปุ่นได้ประกาศขายกรรมสิทธิ์ที่ดินหัวมุม ถ.เพชรบุรี และอโศกมนตรี ไปเมื่อปี 2554 ซึ่งกลุ่มสิงห์ เป็นผู้ชนะการประมูลในราคากว่า 1.8 พันล้านบาท โดยพื้นที่ดังกล่าวได้พัฒนากลายเป็นโครงการค้าปลีกและคอนโดมิเนียม