ช่วงเช้า เมื่อวานนี้ (11 พฤศจิกายน) ที่กรุงปารีสของฝรั่งเศส ได้จัดพิธีรำลึกครบรอบ 100 ปี วันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งก็มีผู้นำจากหลายประเทศทั่วโลกกว่า 70 ประเทศ รวมทั้ง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เข้าร่วมพิธีด้วย ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งวัน

นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เป็นเวลานานเกือบ 20 นาที เพื่อรำลึกถึงทหาร 9.7 ล้านนาย และพลเรือนกว่า 10 ล้านคนทั่วโลกที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งประชาชนจำนวนมากถูกโฆษณาชวนเชื่อให้มาเกณฑ์ทหารไปรบด้วยความรักชาติ นายมาครงจึงได้กล่าวขอให้ผู้นำโลกปฏิเสธการส่งเสริมแนวคิดชาตินิยม เพราะการที่แต่ละประเทศนึกถึงแต่ผลประโยชน์ของประเทศตัวเอง โดยไม่สนใจประเทศอื่นๆ ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรม

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ชายหนุ่มชาวยุโรปจำนวนมากอาสาสมัครไปรบเพราะถูกโฆษณาชวนเชื่อให้เชื่อว่าตัวเองเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง และฝ่ายตรงข้าม ทั้งทหารและประชาชน ล้วนเป็นฝ่ายที่ชั่วร้าย ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 1 มีการโจมตีพลเรือนในพื้นที่ที่กองทัพเข้าไปบุกยึดได้ การโจมตีพลเรือนในพื้นที่ยังเรียกคะแนนนิยมให้กับประชาชนในประเทศบ้านเกิดไปด้วย เพราะรัฐบาลแต่ละประเทศพยายามโฆษณาชวนเชื่อว่า ประเทศฝ่ายตรงข้ามเป็นพวกชั่วร้ายกันทั้งประเทศ และการทำสงครามคือสิ่งที่ถูกต้อง

พิธีรำลึกครั้งนี้ยังเป็นโอกาสที่ผู้นำประเทศจะได้พบกันเพื่อพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งสื่อของรัสเซียรายงานว่า ฝ่ายจัดพิธีต้องมีการสลับเปลี่ยนที่นั่งของผู้นำแต่ละคนใหม่ก่อนที่พิธีจะเริ่มไม่นาน เพื่อที่ไม่ให้นายปูตินกับนายทรัมป์ต้องนั่งใกล้กันมากเกินไป แต่ปูตินได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า เขาได้พูดคุยกับทรัมป์อย่างสั้นๆ ซึ่งนายปูตินบอกว่าการพูดคุยผ่านไปด้วยดี

หลังพิธีรำลึกเสร็จสิ้นในช่วงเช้า ผู้นำของแต่ละประเทศก็ได้เข้าร่วมการประชุมสันติภาพปารีสต่อในช่วงบ่าย ซึ่งก็มีทั้ง วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย, อังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี,และเรเจป ทายยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี เข้าร่วมการประชุม แต่โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมด้วย และเดินทางกลับสหรัฐฯในช่วงที่การประชุมกำลังเริ่ม