พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ผลการกวาดล้างจับกุมชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศผิดกฎหมาย ทั่วประเทศ รวม 83 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 44 คน แบ่งเป็น 1.ความผิดฐานเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยสิ้นสุดการอนุญาต(โอเวอร์สเตย์) 11 ราย แบ่งเป็นสัญชาติอินเดีย 6 ราย อุซเบกิสถาน 2 ราย ไนจีเรียและกินี ชาติละ 1 ราย
2.เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต 31 ราย แบ่งเป็นสัญชาติอินเดีย 9 ราย เมียนมา 7 ราย ลาว 5 ราย กัมพูชา 4 ราย ไนจีเรีย 3 ราย บังคลาเทศ 2 รายและ อุซเบกิสถาน 1 ราย
นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมขบวนการค้ามนุษย์สัญชาติอูกันดา มีคนร้าย 6 คน จับกุมได้ 1 ราย อีก 5 ราย หลบหนี ประกอบด้วย น.ส.แคทเธอรีน บาบัส ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.346/61 ข้อหาสมคบกันค้ามนุษย์ ขณะนี้รับใช้โทษอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง คลองเปรมแล้ว ยังเหลือ น.ส.อลันดา หรือนิกกี้ และ น.ส.โจโจ ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.344/2561และจ.342/2561 ข้อหาสมคบกันค้ามนุษย์ ที่ คาดว่าน่าจะยังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย
โดยทั้ง 3 คน เป็นคนคุมหญิงอูกันดาในไทย ส่วน น.ส.โซฟี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ 345/2561 น.ส.ดีเมดา หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.343/2561 และนายลาบาติล หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.347/2561 เป็นนายหน้าหลอกเหยื่อที่ประเทศอูกันดา ถูกแจ้งข้อหาสมคบกันค้ามนุษย์เช่นกัน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เผยว่า พฤติกรรมการก่อเหตุของคนร้าย จะลวงหญิงอูกันดาในประเทศ ออกอุบายว่าจะพามาทำงานเป็นแม่บ้านหรือแคชเชียร์ในประเทศไทย ก่อนจะพาขึ้นเครื่องบินมาทำวีซ่าเข้าไทย ที่ประเทศเคนย่า เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว จะยึดหนังสือเดินทางแล้วพาไปขายตัวที่ซอยนานา ชดใช้หนี้ที่อ้างว่าติดอยู่ประมาณ 6,000-7,000 ยูเอสดอลลาร์ โดยจะพาไปพักกักตัวไว้ที่คอนโดมิเนียมย่านอาร์ซีเอ มีชาวอูกันดาคุมตัวไว้ไม่ให้หลบหนี เมื่อครบกำหนดวีซ่า 60 วันก็พาไปขายบริการต่อที่มาเลเซีย เพื่อทำวีซ่าเข้าไทยใหม่เพื่อขายบริการต่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ทั้งหมดต่อไป
ข่าวเกี่ยวข้อง :