พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่แอมเนสตี้ ออกมาเรียกร้องในคดี "นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระบุใช้กระบวนการยุติธรรม เพื่อปิดปากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ว่า อาจเป็นความเข้าใจที่สับสน การดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายกติกาสังคม ไม่น่าใช่การจำไปปิดหรือเปิดปากใคร เท่าที่เห็นการพูดแสดงความเห็นในเรื่องใดๆ ก็ยังทำได้ปกติ และด้วยลักษณะเฉพาะตัวของหลายๆ บุคคลเชื่อว่าไม่มีปัจจัยใดที่จะไปบีบบังคับใครได้ การให้ความเห็นบางองค์กรจากต่างประเทศ อาจมีลักษณะเฉพาะตามธรรมเนียมองค์กร ที่ได้รับข้อมูลแบบจำกัด ไม่ต่างจากอดีต
โดย พ.อ.หญิงศิริจันทร์ ยืนยันว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับสิทธิตามกระบวนการยุติธรรมปกติ เช่นการใช้พยานหลักฐานในการพิสูจน์ความจริง การแก้ข้อกล่าวหา การใช้กลไกในกระบวนการสืบสวนสอบสวน การได้รับสิทธิคุ้มครองตามหลักกฎหมาย ไม่แตกต่างจากการดำเนินคดีของบุคคลอื่น ในคดีอื่น ในศาลเฉพาะทางอื่น เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามหลักกฎหมาย เคารพในสิทธิเสรีภาพของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดี
สำหรับการพิจารณาคดีในอำนาจศาลทหาร อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งผลการพิจารณาคดีที่ผ่านมาไม่เคยปรากฎพบข้อกังขาใดๆ ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฎ
โดยขอยืนยันว่าเป็นกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ทุกฝ่ายได้พิสูจน์ความจริงเป็นสิ่งที่เป็นสากล ไม่มีวิธีการใดที่เป็นการปิดปาก อย่างที่แอมเนสตี้ใช้คำนี้กล่าวหาทางการไทย ขอชี้แจงว่า สังคมไทยเป็นหนึ่งเดียว แม้จะมีหลากหลายในความคิดเห็นทางการเมือง คนไทยทุกคนยังได้รับการปฏิบัติในมาตรฐานเดียวกัน ส่วนผู้ที่กระทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินการตามหลักนิติรัฐ เพื่อความสงบสุขของสังคมไทย
ทั้งนี้ การเรียกร้องสิทธิตามบทบาทขององค์กรสามารถทำได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการสร้างให้สังคมไทยเกิดการแบ่งฝ่าย และขอให้รับฟังกระแสสังคมไทยส่วนใหญ่ต่อประเด็นดังกล่าวด้วย เพื่อวางบทบาทขององค์กรในจุดที่พอเหมาะพอควรต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง