ไม่พบผลการค้นหา
แม่ของชายชาวอังกฤษ ซึ่งเสียชีวิตที่เกาะเต่าเมื่อปี 2555 ล่ารายชื่อผ่านเว็บไซต์รณรงค์ หวังกดดันรัฐบาลอังกฤษสอบสวนคดีพลเรือนเสียชีวิตในไทย ที่มีเกือบ 100 ราย ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

นางแพทริเชีย หรือ แพท แฮร์ริงตัน มารดาของนายเบน แฮร์ริงตัน นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษวัย 32 ปี ซึ่งเสียชีวิตที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2555 รณรงค์ล่ารายชื่อประชาชนในสหราชอาณาจักรผ่านทางเว็บไซต์ change.org เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลอังกฤษเข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายแฮร์ริงตัน รวมถึงการเสียชีวิตของชาวอังกฤษในประเทศไทยรวม 95 ราย ระหว่างปี 2551-2560 

การรณรงค์ล่ารายชื่อของแพท แฮร์ริงตัน เริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2560 จนกระทั่งถึงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนมากกว่า 14,000 คน จึงได้นำรายชื่อดังกล่าวไปส่งมอบให้กับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา

เนื้อหาในจดหมายล่ารายชื่อของแพท แฮร์ริงตัน ระบุว่า "ลูกชายของฉันถูกฆ่าที่เกาะเต่าเมื่อปี 2555 พวกเขาบอกว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุ แต่เรื่องราวไม่ลงตัว ซึ่งถ้าเป็นการชันสูตรที่อังกฤษ คงไม่มีใครใช้คำว่า 'อุบัติเหตุ' แน่ๆ"

แพท แฮร์ริงตัน

(คริสปิน บลันท์ ส.ส.พรรครัฐบาล เป็นตัวแทนรับรายชื่อจากแพท แฮร์ริงตัน แทนนายกฯ)

แพท แฮร์ริงตัน ยังกล่าวด้วยว่าฐานข้อมูลออนไลน์ Farang Death Database บ่งชี้ว่าชาวต่างชาติเสียชีวิตในไทย 562 ราย ในช่วงปี 2551-2560 ซึ่งในจำนวนนี้มี 106 ราย เป็นชาวอังกฤษ และ 87.37% เป็นผู้ชาย ส่วนสาเหตุการเสียชีิวิตที่พบมากสุด คือ อุบัติเหตุบนถนน ตกจากที่สูง และจมน้ำตาย

ขณะที่หน่วยสืบสวนคดีพิเศษรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาแล้ว และรัฐบาลอังกฤษต้องรับเรื่องต่อด้วย เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้ชัดเจนว่าเพราะเหตุใดจึงมีชาวอังกฤษเสียชีวิตในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

เว็บไซต์ ไอทีวี และสถานีโทรทัศน์ บีบีซีท้องถิ่นในเซอร์เรย์ ในอังกฤษ รายงานอ้างอิงนางแพท แฮร์ริงตัน ซึ่งไม่เชื่อว่าลูกชายของตนเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ โดยก่อนหน้านี้เธอให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ news.com.au โดยระบุว่าผลชันสูตรศพชี้ว่าลูกชายของเธอเสียชีวิตเพราะขับรถจักรยานยนต์ชนสายไฟเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2555 แต่ในรายงานไม่มีข้อมูลอื่นเพิ่มเติม เธอจึงเกรงว่าการเสียชีวิตของลูกชายอาจเกิดจากการปล้นชิงทรัพย์ของอาชญากรที่ใช้วิธีขึงสายไฟดักรถจักรยานยนต์ เพราะขณะเกิดเหตุ เบน แฮร์ริงตัน ขับรถจักรยานยนต์ออกนอกที่พักเพียงลำพัง อีกทั้งกระเป๋าเงินและนาฬิกาของเบนก็หายไปจากที่เกิดเหตุด้วย 

อย่างไรก็ตาม คดีของแฮร์ริงตันไม่ได้รับรายงานในสื่อไทยมากนัก ต่างจากคดีฆาตกรรมนายเดวิด มิลเลอร์ และนางสาวฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ ที่หาดทรายรี เกาะเต่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2557 เพราะคดีหลังพบหลักฐานประกอบชัดเจนว่าเป็นการฆาตกรรม อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมและดำเนินคดี นายเว พโย และนายโซ ลิน ชาวเมียนมา ในฐานะผู้ต้องหา และศาลชั้นต้นรวมถึงศาลอุทธรณ์ใน จ.สุราษฎร์ธานี ได้ตัดสินประหารชีวิตผู้ต้องหาทั้งสองคน แต่ในขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างกระบวนพิจารณาในชั้นฎีกา

 ม็อบคดีเกาะเต่าปัดการเมืองไทยอยู่เบื้องหลัง

คดีของเดวิด มิลเลอร์ และฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ เป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลก และคดีดังกล่าวยังทำให้เกิดการประท้วงที่นครย่างกุ้งในเมียนมา เพื่อคัดค้านคำตัดสินประหารชีวิตผู้ต้องหาทั้งสองราย เพราะในตอนแรกคดีถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีเจ้าหน้าที่ของไทยไม่ได้ปิดล้อมที่เกิดเหตุ ทำให้มีผู้ถ่ายภาพผู้เสียชีวิตไปเผยแพร่ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ และมีข้อสังเกตว่าหลักฐานและพยานแวดล้อมต่างๆ อาจจะถูกปนเปื้อน 

หลังเกิดเหตุฆาตกรรมบนเกาะเต่าเมื่อปี 2557 ยังมีกรณีการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกหลายคน ไม่เฉพาะแค่ชาวอังกฤษ บางรายเสียชีวิตในสภาพจมในสระว่ายน้ำของโรงแรม และมีบาดแผลที่ศีรษะ ส่วนบางรายก็หายไปจากที่พักบนเกาะ และตามหาตัวไม่เจอ ทำให้สื่อต่างประเทศตั้งฉายาเกาะเต่าว่าเป็น 'เกาะแห่งความตาย'

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบางรายได้แสดงความเห็นโต้แย้งในเพจเรียกร้องความเป็นธรรมแก่นายเบน แฮร์ริงตัน โดยระบุว่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษอาจจะไม่ระมัดระวังจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตเองได้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว SCMP รายงานอ้างอิงผลสำรวจผ่านเว็บไซต์ด้านการจองที่พัก Hotel.com พบว่าอังกฤษติดอันดับ 2 ใน 7 ประเทศที่พลเมืองประพฤติตัว 'น่ารำคาญที่สุดในโลก' ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวต่างแดน โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ระบุว่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษมักมีพฤติกรรมสุดโต่งและคึกคะนองหลังดื่มแอลกอฮอล์

อ่านเพิ่มเติม: