จากกรณีพ.ต.ต.สหัสวรรษพันธ์เกตุสว.ฝ่ายแต่งตั้งกองทะเบียนพลใช้อาวุธปืนยิงตัวตายภายในตึก5ชั้นที่7สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบประวัติ พ.ต.ต.สหัสวรรษพบว่าเป็นตำรวจน้ำดี มีประวัติการทำงานค่อนข้างดี ยังถือเป็นนายร้อยตำรวจรุ่นที่63คนแรกของรุ่นที่ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็น สว.และอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวมาแล้วกว่า2ปี เคยปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่3ชายแดนใต้มานานกว่า 5ปี ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายนั้น เมื่อพิจารณาจากข้อความในจดหมายลาตาย น่าจะมาจากอาการป่วยโรคซึมเศร้า ไม่น่าจะมาจากสาเหตุความขัดแย้งทางด้านครอบครัว หรือความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงาน
ส่วนสาเหตุที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้านั้น เป็นไปได้ว่าน่าจะมาจากความเครียดจากการทำงาน เนื่องจากเป็นคนที่จริงจังมุ่งมั่นกับการทำงานเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นไม่ค่อยได้กลับบ้าน รวมไปถึงความเครียดสะสมจากการที่เคยปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่3จังหวัดชายแดนใต้ ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ไม่มีใครทราบว่า พ.ต.ต.สหัสวรรษ มีอาการป่วยด้วยโรคซึมเศร้า เนื่องจาก 2 วันก่อนเกิดเหตุ ยังเดินทางไปร่วมรับประทานอาหารกับทางครอบครัวเหมือนปกติ และไม่เคยมีประวัติในการรักษาโรคดังกล่าว กระทั่งมาเกิดเหตุ
พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวอีกว่า ข้าราชการตำรวจเป็นอาชีพที่มีความเครียด กดดันในการปฏิบัติหน้าที่ค่อนข้างสูง ก่อนที่จะเข้ารับราชการตำรวจมีการตรวจคัดกรองอย่างละเอียดเกี่ยวกับโรคดังกล่าว อย่างไรก็ตามจากข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นโรคซึมเศร้านั้น
ส่วนใหญ่จะพบหลังจากเข้ารับราชการตำรวจแล้ว ซึ่งในส่วนของแนวทางป้องกันได้มีการบรรจุกิจกรรมเข้าวัดฝึกสมาธิ ผ่อนคลายจิตใจ โดยในประเทศไทยนั้นพบมีผู้ป่วยโรคซึมเศร้ากว่า1.5ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ2.14ของประชากรทั้งประเทศ คาดว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในข่ายภาวะเสี่ยงป่วยเป็นโรคซึมเศร้าประมาณ4พันนาย