รายงานความมั่งคั่งประจำปี 2018 ที่จัดทำโดยไนท์แฟรงค์ บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ระบุว่าพื้นที่ทางตอนเหนือของเฟรนช์ ริเวียร่า แหล่งตากอากาศสุดหรูของโมนาโกที่เชื่อมต่อกับฝรั่งเศส เป็นสถานที่ที่มีพื้นที่ต่อตารางเมตรแพงที่สุดในโลกเป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน โดยเทียบจากเงิน 1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 33 ล้านบาท) สามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้เพียง 16 ตารางเมตรเท่านั้น ตามมาด้วยฮ่องกง นิวยอร์ก และลอนดอน ซึ่งในงบประมาณ 1 ล้านดอลลาร์ สามารถซื้อห้องพักหรือบ้านที่มีพื้นที่ขนาด 25-28 ตร.ม.เท่านั้น
ขณะที่ในจีน เซี่ยงไฮ้ครองอันดับหนึ่งของเมืองที่มูลค่าที่อยู่อาศัยแพงที่สุดและเป็นอันดับ 9 ของโลก ซึ่งเงินจำนวน 1 ล้านดอลลาร์ สามารถซื้ออพาร์ตเมนต์ในเซี่ยงไฮ้ได้เพียง 54 ตร.ม. ตามมาด้วยปักกิ่ง 77 ตร.ม. และกว่างโจว แต่ทั้งนี้มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่กว่างโจวเพิ่มขึ้นจากปีที่กว่า 27 เปอร์เซ็นต์ เป็นราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ของจีน
ตามรายงานกล่าวว่า มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ในปี 2017 ที่ผ่านมา ราคาขยับตัวพุ่งสูงขึ้น 2.1 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นการเปรียบเทียบกับปี 2016 ที่ขยายตัวเพียง 1.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสาเหตุมาจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และคาดว่าภายในปี 2022 ประชากรที่มีฐานะร่ำรวยจะเพิ่มขึ้น 43 เปอร์เซ็นต์ โดยเทียบจากการถือครองทรัพย์สินที่มากกว่า 5 ล้านดอลลาร์ ส่วนผู้ถือครองทรัพย์สินมากกว่า 50 ล้านดอลลาร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ และจะมีมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมากกว่า 500 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นประมาณ 39 เปอร์เซ็นต์
จากการสำรวจใน 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าจำนวนมหาเศรษฐีจากเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดมากกว่า 37 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยุโรปเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ภูมิภาคที่มีมหาเศรษฐีลดลงคือ ละตินอเมริกา และรัสเซีย โดยลดลงเหลือ 22 และ 37 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าใน 5 ปีข้างหน้าประชากรมหาเศรษฐีจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ขณะที่อินเดียคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 71 เปอร์เซ็นต์
ที่มา: knightfrank, South China Morning Post
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: