ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบการประเมินของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่คาดการณ์ว่า การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 9-17 เม.ย. 65 มีมูลค่า 2.23 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย จำนวน 4.6 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 2.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนภายหลังจากที่ ศบค. ได้ผ่อนคลายมาตรการให้จัดงานเทศกาลสงกรานต์ในปี 2565 ตามประเพณีไทย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยวที่พบว่ามียอดการจองใช้บริการเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งภาคธุรกิจโรงแรม ภาคบริการสถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหารต่างๆ ส่งผลดีต่อชุมชนและเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยนายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับผู้ประกอบการภาคธุรกิจโรงแรม-ภาคบริการการท่องเที่ยว ที่ได้รับผลดีจากช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทยในช่วงเวลานี้ รวมถึงการขับเคลื่อนในโอกาสต่อไป
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีย้ำให้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมให้มากที่สุด ภายใต้สถานการณ์ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันที่ยังทรงตัวสูง ขณะที่รายจ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชนยังปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจในการเดินทางท่องเที่ยว และทำให้การฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยวเป็นไปอย่างจำกัด จึงขอให้ผู้ประกอบการมีการปรับตัวและดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างสอดคล้องกับพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภค หรือนักท่องเที่ยว ซึ่งในปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจต่อการเดินทางท่องเที่ยวทางธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวระยะใกล้ หรือเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลัก ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล อาทิ พัทยาและสัตหีบ จ.ชลบุรี เกาะกูดและเกาะช้าง จ.ตราด หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ภูเก็ต เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รวมถึงจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ภูเขา น้ำตก เช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.กาญจนบุรี และจ.เชียงใหม่ เป็นต้น โดยควรปรับหรือใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวมาใช้บริการเพิ่มขึ้น ตลอดจนปรับให้สอดคล้องกับการเดินทางท่องเที่ยวที่มีวัตถุประสงค์หลากหลายขึ้น เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน (Leisure Travel) การเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานในสถานที่ท่องเที่ยว (Workcations) เป็นต้น
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของทุกฝ่าย ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตลอดจนภาคส่วนอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดการลงทุนใหม่ขึ้นในปัจจุบัน รวมถึงการเปิดโรงงานใหม่ที่ส่งผลดีต่อการจ้างงานทั้งภาคการผลิต ภาคบริการ การท่องเที่ยว ฯลฯ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพฝีมือแรงงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับแรงงานต่าง ๆ ด้วย
“ช่วงสงกรานต์นี้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับภาคธุรกิจโรงแรมและร้านค้า อย่างไรก็ตามนายกฯ ได้เน้นย้ำให้เป็นสงกรานต์ที่ปลอดภัย พร้อมส่งความห่วงใยมายังประชาชนที่เดินทางทุกคนให้เตรียมพร้อมตัวเองให้ดี พักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ควรตรวจสอบความพร้อมของยานพาหนะให้เรียบร้อย ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เคารพกฎหมาย ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างขับรถ เพื่อให้ทุกคนเดินทางท่องเที่ยวและกลับบ้านไปฉลองสงกรานต์กับครอบครัวอย่างปลอดภัย และมีความสุขในเทศกาลปีใหม่ไทยนี้” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว