ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาคดีกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ฟอร์ดรุ่นเฟียสต้าและรุ่นโฟกัส จำนวน 308 ราย ยื่นฟ้องบริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงในการสั่งผลิตและจำหน่ายรถยนต์ฟอร์ดในประเทศไทย เป็นจำเลย ฐานสั่งผลิตและจำหน่ายรถยนต์ชำรุดบกพร่อง สินค้าไม่ปลอดภัย ไม่ได้มาตรฐาน ไม่เป็นไปตามคำโฆษณา ทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงอันตราย
โดยศาลพิพากษาให้ฟอร์ด ชดใช้ค่าเสื่อมราคาจากการซ่อมครั้งละ 20,000 บาท และค่าขาดประโยชน์จากการไม่ได้ใช้รถระหว่างซ่อมวันละ 1,000 บาท ให้กับโจทก์และสมาชิกกลุ่มรวมทั้งสิ้น 296 ราย ตกรายละ 20,000 บาท ถึง 290,000 บาท รวมเป็นเงินกว่า 23 ล้านบาทเศษ และให้จ่ายดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง โดยให้ชำระเงินคืนให้กับผู้เสียหายภายใน 7 วัน
ขณะเดียวกัน ศาลสั่งยกฟ้องสมาชิก 12 ราย ที่ได้ดัดแปลงระบบเชื้อเพลิงเป็นการใช้แก๊ส หรือไม่เคยนำรถยนต์เข้าซ่อม เพื่อเปลี่ยนชุดคลัตช์และกล่องควบคุมเกียร์ที่มีปัญหา
ภายหลังเข้าฟังคำพิพากษา นายจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความฝ่ายโจทก์ กล่าวว่า นับเป็นชัยชนะของพลังผู้บริโภค แต่ยังมีบางประเด็นที่ยังไม่เห็นด้วย กลุ่มผู้เสียหายจึงขอเวลา 1 เดือน กลับไปหารือร่วมกัน อาจจะมีการยื่นอุทธรณ์ โดยเฉพาะประเด็นรถไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย โดยผู้บริโภคต้องการให้บริษัทซื้อรถคืน และบางรายอาจได้ค่าชดใช้ที่น้อยเกินไป รวมถึงอุทธรณ์ให้กับผู้เสียหายทั้ง 12 คนที่ไม่ได้รับเงินชดเชยด้วย
ขณะที่ นางสาววราภรณ์ แช่มสนิท หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า เคารพคำพิพากษาของศาล แม้ว่าศาลจะสั่งชดใช้เพียงค่าซ่อมแซมและค่าขาดประโยชน์ในช่วงเวลาที่ไม่ได้ใช้รถ
ด้านนาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เรียกร้องให้บริษัทรถยนต์ฟอร์ด หยุดขายรถรุ่นแรพเตอร์กระบะ 4 ประตู หลังมีปัญหาเครื่องพังบนมอเตอร์เวย์ รวมถึงเรียกรถทุกคันที่ขายให้กับลูกค้าคนไทยไปตรวจสอบ ว่ามีมาตรฐานการผลิตหรือไม่ นอกจากนี้ยังขอให้หน่วยงานราชการในยุครัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญกับประชาชนให้มากกว่านี้ ไม่ควรปล่อยให้ประชาชนต้องตกทุกข์ได้ยากถึงขั้นต้องลงขันจ้างทนายนำคดีความไปฟ้องร้องกันเอง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :