สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 128 ต่อ 9 เสียง ให้คำประกาศรับรองนครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นโมฆะและไม่มีผลทางกฎหมาย โดยประเทศสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ทั้ง 4 ประเทศ ซึ่งได้แก่ จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย และอังกฤษ ต่างออกเสียงสนับสนุนมตินี้ รวมถึงไทย ซึ่งได้ออกเสียงสนับสนุนมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเช่นกัน
ขณะที่อิสราเอล กัวเตมาลา ฮอนดูรัส และหมู่เกาะมาร์แชล ต่างอยู่ในกลุ่มประเทศที่ต่อต้านมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ
อย่างไรก็ตาม มี 35 ประเทศที่ตัดสินใจงดออกเสียง ภายหลังจากที่นายทรัมป์ออกมาขู่ว่าจะตัดเงินช่วยเหลือแก่ประเทศที่สนับสนุนมติของสหประชาชาติในครั้งนี้ ซึ่งแคนาดา เม็กซิโก ออสเตรเลีย ต่างอยู่ในกลุ่มประเทศที่งดออกเสียงด้วย ขณะที่อีก 21 ประเทศไม่ได้เข้าร่วมการประชุม
ระหว่างการประชุมนางนิกกี เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ประกาศว่า 'สหรัฐฯ จะจดจำวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่เราถูกโจมตีในสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ จากการใช้สิทธิในฐานะชาติที่มีอำนาจอธิปไตย' พร้อมยืนยันว่า นครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลเสมอมาและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป โดยนายเฮลีย์ยังโจมตีประเทศที่ออกเสียงสนับสนุนมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติว่าเป็นเพียงหุ่นเชิดของปาเลสไตน์
การประชุมวาระพิเศษฉุกเฉินของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ซึ่งมี 193 ประเทศทั่วโลกเป็นสมาชิก เป็นการประชุมที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก โดยในครั้งนี้ได้มีการจัดการประชุมขึ้นภายหลังจากที่กลุ่มประเทศอาหรับและมุสลิมยื่นคำร้องต่อสหประชาชาติ
ด้านนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอลได้ออกมาปฏิเสธมติในครั้งนี้ พร้อมประณามสหประชาชาติว่าเป็น 'สภาแห่งการหลอกลวง' ขณะที่โฆษกของประธานาธิบดีปาเลสไตน์ประกาศว่า มติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของปาเลสไตน์