ไม่พบผลการค้นหา
Social Movement ในยุคนี้ ไม่ได้มีแค่การประท้วงหรือเคลื่อนไหวในฐานะ NGO แบบเดิมๆ แต่ยังรวมไปถึงกิจกรรมสร้างกิมมิกต่างๆ ซึ่งกิมมิกยอดฮิตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็คือการ "ขยับเนื้อขยับตัว" ของจริงอย่างการวิ่งหรือปั่นจักรยาน ไปดูกันว่าในโลกนี้ มีการ "วิ่งเพื่อสังคม" ที่ไหนกันบ้าง และพวกเขาวิ่งเพื่ออะไร?

มหกรรมการวิ่งมาราธอนที่เก่าแก่และโด่งดังที่สุดโปรแกรมหนึ่งในโลก ก็คือ Boston Marathon ที่วิ่งกันมาทุกเดือนเมษายนตั้งแต่ปี 1897 ปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมถึงปีละเกือบ 40,000 คน ผู้เข้าร่วมวิ่งจะต้องจ่ายเงินค่าสมัคร 180 ดอลลาร์ สำหรับชาวอเมริกันเจ้าถิ่น และนักวิ่งต่างชาติต่างจ่าย 240 ดอลลาร์ หรือ 5,700-7,600 บาท

แต่จะมีนักวิ่งจำนวนมากที่ไม่ผ่านการคัดเลือกที่เข้มข้นของผู้จัดงาน ทำให้คนจำนวนหนึ่งต้องสมัครวิ่งโดยร่วมกับทีมการกุศล ระบบดังกล่าวทำให้เงินจากการวิ่งจะถูกแบ่งแจกจ่ายไปยังกิจการสาธารณกุศลต่างๆอย่างเป็นระบบผ่านองค์กรกลาง นักวิ่งสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าร่วมทีมใด แต่ละทีมการกุศลก็จะมีค่าใช้จ่ายและเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป

063_669447066.jpg

กองเชียร์คอยจับมือให้กำลังใจนักวิ่งเมื่อผ่านช่วง 6 กิโลเมตรแรกของบอสตัน มาราธอน ภาพจากมหกรม Boston Marathon 2017

สำหรับการวิ่ง Boston Marathon ปี 2018 มีองค์กรการกุศลที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในองค์กรที่จะได้ร่วมระดมทุนผ่านงานนี้ 34 องค์กร ส่วนใหญ่เป็นองค์กรการกุศลช่วยเหลือผู้ป่วยโรคต่างๆ เช่นโรคมะเร็งในเด็ก มะเร็งเม็ดเลือด รวมถึงโรงพยาบาลต่างๆในบอสตัน ทำให้การวิ่งมาราธอนโปรแกรมนี้ ไม่ได้เป็นแค่การร่วมกิจกรรมกีฬาหรือสันทนาการ แต่ยังเป็นการทำเพือระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วย ผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาส รวมถึงผู้มีปัญหากลุ่มอื่นๆในสังคมด้วย

000_NS643.jpg

นักวิ่งแต่งชุดแรด เพื่อวิ่งระดมทุนให้มูลนิธิ Save The Rhino กองทุนช่วยเหลือด้านการอนุรักษ์พันธุ์แรดในแอฟริกา ในมหกรรม London Marathon 2017

อีกหนึ่งกิจกรรมวิ่งที่เก่าแก่และได้รับความนิยม ก็คือ London Marathon มหกรรมการวิ่งที่มีผู้เข้าร่วมจากทั่วทุกมุมโลกเกือบ 40,000 คน จากผู้สมัครนับแสนคน โปรแกรมวิ่ง London Marathon จัดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน เดือนที่อากาศแจ่มใสที่สุดของอังกฤษ และแม้ว่าจะไม่มีการจัดตั้งองค์กรกลางเพื่อจัดสรรเงินไปยังองค์กรการกุศลต่างๆอย่างเป็นทางการเท่ากับ Boston Marathon แต่กิจกรรมการวิ่งนี้ก็เป็นช่องทางขององค์กรการกุศลต่างๆที่จะใช้ระดมทุน โดยอาจมาในรูปแบบของการเข้าร่วมการวิ่งเพื่อใช้มหกรรมวิ่งเป็นช่องทางโฆษณารับบริจาค โดยมีกิมมิกเป็นคอสตูมแปลกๆ 

ตัวอย่างของการระดมทุนใน London Marathon ก็เช่นในการวิ่งมาราธอนปีนี้ มีชายคนหนึ่งแต่งกายเป็นกอริลลา เข้าร่วมวิ่งระยะ 42 กิโลเมตร โดยใช้เวลานาน 6 วันกว่าจะเข้าเส้นชัย เนื่องจากเขาใช้วิธีคลานสี่เท้า เคลื่อนไหวเลียนแบบกอริลลา แต่สุดท้ายมิสเตอร์กอริลลาก็ได้รับเงินบริจาคจำนวนมากถึง 23,000 ปอนด์สำหรับมูลนิธิกอริลลา ที่ทำหน้าที่รณรงค์อนุรักษ์พันธุ์กอริลลาในรวันดา คองโก และยูกันดา

000_N53OH.jpg

ผู้เข้าร่วม Palestine Marathon ปี 2017 ต้องวิ่งผ่านกำแพงกั้นเยรูซาเลมกับเวสต์แบงค์ โดยมีทหารเฝ้ารักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด กำแพงนี้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของการจำกัดสิทธิเสรีภาพด้านการเคลื่อนย้ายของประชาชนปาเลสไตน์

แต่การวิ่งเพื่อสังคม ไม่ได้มีเฉพาะการระดมทุนด้านสาธารณสุขหรือแก้ปัญหาสังคมทั่วๆไป การวิ่งที่เป็น "การเมือง" อย่างชัดเจนก็มีเช่นกัน อย่าง Palestine Marathon มหกรรมการวิ่งที่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน 2013 เพื่อตอกย้ำถึงการถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพในการเคลื่อนย้ายของประชากรปาเลสไตน์ เนื่องจากตลอดระยะทาง 42 กิโลเมตรของการวิ่งในเมืองเบธเลเฮม ผู้เข้าร่วมจะต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย ทั้งด่านตรวจของตำรวจ ทหาร จุดสกัด ไปจนถึงกำแพงที่กั้นระหว่างพื้นที่ยึดครองของอิสราเอลและปาเลสไตน์ 

จากจุดเริ่มต้นในปีแรก ที่มีผู้เข้าร่วมวิ่งเพียงประมาณ 500 คน ปัจจุบัน Palestine Marathon มีผู้ร่วมวิ่งปีละกว่า 16,000 คน ล่าสุดในการวิ่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ชาวปาเลสไตน์เข้าร่วมวิ่งในรายการนี้ 10,000 คน และมีนักวิ่งต่างชาติเข้าร่วมอีก 6,200 คน และชื่อของ Palestine Marathon ก็กลายเป็นมหกรรมการวิ่งที่ได้รับการยอมรับในแวดวงนานาชาติเท่ากับโปรแกรมเก่าแก่อื่นๆเรียบร้อยแล้ว

แม้ว่ามหกรรมมาราธอนจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆของความพยายามของชาวปาเลสไตน์ที่จะเรียกร้องให้ทั่วโลกตระหนักถึงการถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพในทุกๆด้านที่พวกเขาเผชิญอยู่ทุกวัน และอิสราเอลเองก็ไม่ได้ใส่ใจความเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ยกเลิกการจำกัดเสรีภาพของชาวปาเลสไตน์ผ่านช่องทางนี้มากนัก แต่ก็ถือว่า Palestine Marathon ช่วยส่งเสริมทั้งเศรษฐกิจท้องถิ่น และยังทำให้โลกไม่หลงลืมการต่อสู้เพื่อสิทธิในการกำหนดชะตาชีวิตตนเองของชาวปาเลสไตน์ ที่ดำเนินมากว่าครึ่งศตวรรษ