นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฎิรูปประเทศไทย ยืนยัน ไม่เกี่ยวข้องกับข่าวการตั้ง‘พรรคมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข (กปปส.)’ ของนายธานี เทือกสุบรรณ และปฏิเสธว่านายธานี ไม่ใช่ตัวแทน หรือ nominee ของตน แม้จะเป็นน้องชาย แต่ก็ไม่ได้มาขอคำปรึกษาเรื่องตั้งพรรคการเมืองกับตน พร้อมกล่าวว่านายธานี เป็นอดีตนักการเมือง และเป็นประชาชนคนหนึ่ง มีความคิดที่แตกต่างเป็นของตัวเอง ส่วน กปปส. ไม่ใช่องค์กรถาวร บทบาทของ กปปส. จบไปแล้วเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 พี่น้องที่ทำอาชีพใดก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง แกนนำที่เป็นนักการเมืองก็กลับพรรคการเมืองของตัวเอง
"กปปส.ไม่ตั้งพรรคการเมือง เพราะ กปปส.จบภารกิจไปตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมแล้ว แต่ว่าการตั้งพรรคการเมืองเป็นเรื่องของประชาชน ส่วนประชาชนที่มีแนวความคิดที่จะสืบทอดเจตนารมณ์ของ กปปส. เป็นเรื่องปกติ เค้าอาจมีความคิดที่จัดตั้งพรรคการเมืองของตัวเองก็ได้ เป็นสิทธิ ส่วนผมเองก็ดูว่าประชาชนทั้งหลายคิดอย่างไร ส่วนผมเองก็มีความคิดจองผมแต่ไม่ต้องการชี้นำประชาชน" นายสุเทพกล่าว
นอกจากนี้นายสุเทพ ยังย้ำว่า ตนจะทำตามสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับประชาชนว่าจะไม่เล่นการเมือง ไม่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ แต่อย่างใด แม้กระทั่งกรรมการบริหารพรรค หรือที่ปรึกษาพรรคก็ตาม แต่หากมีพรรคการเมืองใดที่มีอุดมการณ์ทำเพื่อประชาชน เหมือนกันตนก็พร้อมที่จะไปร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น หากมีการทาบทามหรือติดต่อมา แต่ตอนนี้ยังไม่มีการตั้งพรรคการเมืองเลย จึงเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ พร้อมประกาศว่า ส่วนตัวยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ เพราะเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะทำหน้าที่บริหารประเทศและแก้ไขปัญหาของประชาชนได้
ส่วนการเดินทางมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์, นางสาวอัญชลี ไพรีรัก, นายไพบูลย์ นิติตะวัน, และนายพิภพ ธงไชย ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในข้อหาการประพฤติมิชอบ กรณีอายัดบัญชีเงินฝากในการชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในปี 2556 โดยวันนี้เป็นการนัดพร้อมสอบคำให้การจำเลย และศาลมีนัดตรวจสอบพยานหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 20 เมษายนนี้
