เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 10/2561 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมบัญชีท้ายประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 108/2557 หลังพบว่าปัจจุบันได้ปรากฏว่ามีการนำวัตถุออกฤทธิ์บางประเภทตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทมาใช้ในการเสพกันเป็นวงกว้าง ขณะที่วัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าวมิได้ถูกกำหนดไว้ในบัญชีท้ายประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ด้วยเหตุนี้ หากผู้เสพวัตถุออกฤทธิ์โดยเฉพาะผู้เสพที่เป็นเด็กและเยาวชนเป็นผู้ต้องสงสัยว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด หรือเสพและมียาเสพติดไว้ในครอบครอง ได้เสพหรือมีวัตถุออกฤทธิ์นี้ ในปริมาณที่ไม่มากเกินกว่าที่กำหนดไว้ กรณีเช่นนี้จะไม่สามารถนำมาตรการทางเลือกในการบำบัดฟื้นฟูมาใช้แทนการลงโทษหรือการดำเนินคดีได้ แม้ผู้เสพจะมีความสมัครใจเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูก็ตาม จึงจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีท้ายประกาศ คสช. ที่ 108/2557 เพื่อให้การดำเนินการบำบัดฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติดเป็นไปโดยเหมาะสม มีมาตรการทางเลือกที่ได้สัดส่วนกับการกระทำความผิด อันเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขเยียวยา บำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้เสพ

ดังนั้น หัวหน้าคสช. จึงอาศัยอำนาจรัฐธรรมนูญประกอบกับ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญปี 2557 ให้เพิ่มวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ได้แก่ ‘คีตามีน’ เป็นยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ และให้รวมถึงวัตถุที่เรียกชื่อ เป็นอย่างอื่น แต่มีสูตรโครงสร้างทางเคมีอย่างเดียวกันกับยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าว และเกลือใด ๆ ของยาเสพติดให้โทษหรือวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าวด้วย ในบัญชียาเสพติดท้ายประกาศคสช.ฉบับที่ 108/2557 

ทั้งนี้ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ด้านเว็บไซต์กรมควบคุมวัตถุเสพติด ระบุว่า เคตามีน (ketamine) เป็นที่รู้จักกันในกลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดว่า 'ยาเค' ขณะที่ทางการแพทย์ใช้ยานี้เป็นยาสลบ หรือนำสลบ ใช้ในรูปยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือทางหลอดเลือดดำ ซึ่งออกฤทธิ์เร็ว เพราะเคตามีนมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต ความดันโลหิตและอัตราการเต้นหัวใจอาจเพิ่มเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม การเสพยาเคเป็นเวลานาน จะทำให้ผู้เสพทนต่อฤทธิ์ยา ทำให้ต้องใช้ยาในปริมาณที่เพิ่มขึ้นถึงจะออกฤทธิ์เท่าเดิม ทำให้เกิดอันตรายได้ เพราะการใช้ยาเคในขนาดที่สูง จะทำให้เกิดการอาเจียน ชัก สมองและกล้ามเนื้อขาดออกซิเจนได้ การใช้ยาเคในขนาดที่สูงถึง 1 กรัมอาจทำให้ตายได้ นอกจากนี้การใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้เกิดการติดยาทั้งทางร่างกาย และจิตใจ

อ่านคำสั่งฉบับเต็มที่ : ราชกิจจานุเบกษา