นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ห่วงว่าถ้าเปิดเวทีการเมืองจะโดนขุดคุ้ย จริงๆ แล้วไม่ควรจะห่วงเช่นนั้น หากจะเป็นนักการเมืองและยังหวังจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหลังการเลือกตั้ง ต้องยินดีให้ถูกขุดคุ้ยได้ทุกเรื่อง ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการตรวจสอบโดยปกติในระบอบประชาธิปไตย หากเป็นคนดีและบริสุทธิ์ไม่ควรกลัว แต่หากมีเรื่องปิดบังไม่อยากให้ขุดคุ้ย ไม่ควรจะยุ่งกับการเมือง
นายพิชัย กล่าวว่า ตลอด 4 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาล และ คสช. นอกจากจะเรียก 12 ครั้ง ทั้งปรับทัศนคติ และหมายเรียกดำเนินคดีแล้ว ยังได้ส่งหน่วยงานรัฐเข้ามาตรวจสอบตนทุกเรื่องมาโดยตลอด ทั้งกรมสรรพากรที่ตรวจสอบเงินเข้าเงินออกและเช็คทุกใบของทุกบัญชี ขณะช่วงดำรงตำแหน่งและหลังการดำรงตำแหน่ง ทั้งๆ ที่ต้องส่ง ป.ป.ช. อยู่แล้ว ซึ่งตนยินดีชี้แจงและส่งข้อมูลให้ทั้งหมด อีกทั้งยังให้ สตง. เข้าตรวจสอบทุกนโยบายที่ตนเคยทำในสมัยดำรงตำแหน่ง ซึ่งตนก็ได้เข้าไปตอบในทุกเรื่องจนเป็นที่กระจ่าง โดยหากมองทางที่ดีก็เหมือนกับตนได้รับการตรวจสอบความถูกต้องอย่างถี่ถ้วนแล้ว
ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ควรเตรียมตัวรับการขุดคุ้ยและตอบคำถามเหมือนกับที่ทุกคนเจอ แต่อาจจะมีคำถามมากกว่า เพราะเป็นถึงนายกรัฐมนตรีและยังดำรงตำแหน่งอยู่นานกว่า มีนโยบายจำนวนมาก โดยเฉพาะหากมีเรื่องที่ทำให้รัฐเสียหาย ต้องมาดูกันและหากหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้จริง คงจะต้องโดนขุดคุ้ยอีกมากทั้งในและนอกรัฐสภา อยากให้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย เพราะเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตยที่ต้องถูกตรวจสอบได้
นอกจากนี้ รัฐมนตรี 4 คน ที่ประกาศตัวไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ หากยังไม่ยอมลาออก จะถูกขุดคุ้ยและตรวจสอบเช่นกัน แม้พรรคพลังประชารัฐจะพยายามนำคนจากภาคเศรษฐกิจมาลบภาพ ที่ประชาชนสงสัยว่าจะเป็นพรรคสืบทอดอำนาจของ คสช. แต่รัฐมนตรีทั้ง 4 ต้องตอบผลงานทางเศรษฐกิจที่ดูแลว่า เหตุใดประชาชนไม่ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างที่รัฐบาลบอก
"โดยเฉพาะ การลงทุนที่หดหายมาตลอด ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ไทยแลนด์ 4.0 กลายเป็น 0.4 เพราะ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ที่เล่นงานคนเห็นต่าง และ ห้ามหาเสียงผ่านโซเชียล อีกทั้ง การดำเนินงานของรัฐบาลใดๆ ในช่วงนับแต่นี้ และประชาชนคงอยากเห็นความโปร่งใสและตรวจสอบได้ของบุคคลทางการเมืองทุกคนนับแต่นี้" นายพิชัย กล่าว