อิหร่านเกิดการประท้วงที่ปะทุขึ้นเมื่อปีที่แล้ว จากการเสียชีวิตของ มาห์ซา อามินี หญิงสาวชาวเคิร์ดในการควบคุมตัวของตำรวจของ หลังจากเธอถูกจับในข้อหาละเมิดไม่คลุมผมให้ถูกต้องตามกฎหมายฮิญาบ ทั้งนี้ นับตั้งแต่การเสียชีวิตของอามินี ผู้หญิงอิหร่านจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เลิกใช้ผ้าคลุมฮิญาบ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ แม้จะเสี่ยงต่อการถูกจับกุมก็ตาม
แถลงการณ์ของตำรวจอิหร่าน ที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวสาธารณรัฐอิสลามภายใต้การกำกับการของรัฐ ระบุว่า ระบบดังกล่าวได้ใช้กล้องที่เรียกว่า "กล้องอัจฉริยะ" และเครื่องมืออื่นๆ เพื่อระบุและส่ง "เอกสารและข้อความเตือนไปยังผู้ละเมิดกฎหมายฮิญาบ"
ผู้หญิงอิหร่านถูกบังคับให้คลุมผมด้วยฮิญาบตามกฎหมาย นับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามในปี 2522 โดยกลุ่มผู้นำเผด็จการอิสลามอิหร่าน ได้กำหนดให้มีการตีความกฎหมายศาสนาอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ผู้หญิงที่ฝ่าฝืนกฎหมายจะถูกปรับหรือถูกจับกุม
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (8 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจอิหร่านออกแถลงการณ์ระบุว่า การคลุมฮิญาบเป็น “หนึ่งในรากฐานทางอารยธรรมของประเทศอิหร่าน” และเรียกร้องให้เจ้าของธุรกิจรักษากฎดังกล่าว ผ่าน “การตรวจสอบอย่างเข้มงวด” ต่อผู้หญิงที่คลุมผ้าคลุมผมในประเทศ
การโจมตีผู้หญิงอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะที่อิหร่านไม่ใช่เรื่องแปลก โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีภาพวิดีโอของชายคนหนึ่ง ได้ปาโยเกิร์ตใส่ผู้หญิง 2 คนที่ไม่ได้คลุมฮิญาบ ทั้งนี้ วิดีโอดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ทางออนไลน์อย่างเป็นวงกว้าง ก่อนที่ผู้หญิงทั้ง 2 คนจะถูกจับกุมภายใต้กฎหมายฮิญาบในภายหลัง โดยชายผู้ปาโยเกิร์ตถูกจับเช่นกัน
ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ผู้ประท้วงหลายพันคนในอิหร่านถูกจับกุม และ 4 คนถูกประหารชีวิตตั้งแต่เดือน ธ.ค. แต่กลุ่มผู้นำอิหร่านหัวรุนแรงยังคงยืนกรานว่า พวกเขาจะบังคับใช้กฎหมายมากกว่านี้ ทั้งนี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อิบราฮิม ไรซี ประธานาธิบดีอิหร่าน ย้ำว่าผู้หญิงอิหร่านต้องคลุมฮิญาบ เนื่องจากเป็น "ความจำเป็นทางศาสนา"
อย่างไรก็ดี โกลัมฮุสเซน โมห์เซนี-เอจี หัวหน้าศาลยุติธรรมอิหร่าน เตือนเมื่อวันศุกร์ (7 เม.ย.) ว่าการปราบปรามอย่างกว้างขวางอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด ในการส่งเสริมให้ผู้หญิงปฏิบัติตามกฎคลุมฮิญาบ “ปัญหาทางวัฒนธรรมต้องแก้ไขด้วยวิธีทางวัฒนธรรม... หากเราต้องการแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการจับกุมและคุมขัง ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น และเราจะไม่เห็นประสิทธิภาพที่ต้องการ” โกลัมฮุสเซนกล่าว
ที่มา: