วันนี้ (วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 14.00 น. ณ ห้องกัลยาณไมตรี ชั้น 3 กระทรวงกลาโหม นายเฟลิเป เด ลา โมเรนา กาซาโด (H.E. Mr. Felipe de la Morena Casado) เข้าพบหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยสรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้

รองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวต้อนรับและยินดีกับความสัมพันธ์ไทย – สเปน ที่เป็นมิตรและราบรื่น ซึ่งได้ครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 155 ปี เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนการขับเคลื่อนความร่วมมือต่าง ๆ ตลอดจนการทำงานของเอกอัครราชทูตสเปนฯ เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือบนพื้นฐานค่านิยมและผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพที่จะต่อยอดความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก 

เอกอัครราชทูตสเปนฯ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับรองนายกรัฐมนตรีฯ พร้อมฝากความปรารถนาดีจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสเปน ซึ่งยืนยันที่จะผลักดันความร่วมมือระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น โดยสเปนยินดีที่จะทำงานร่วมกับไทยให้ต่อเนื่องรอบด้าน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ความร่วมมือด้านการศึกษา ฝึกอบรมหลักสูตรทางการทหารต่าง ๆ ตลอดจนความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทสเปนให้ความสนใจและมาร่วมลงทุนในไทยจำนวนมาก โดยทางสถานเอกอัครราชทูตสเปนฯ ยินดีที่จะเป็นสื่อกลางในการประสานความร่วมมือในทุกมิติที่มีศักยภาพร่วมกัน

ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นที่สำคัญ ดังนี้

ด้านความร่วมมือในระดับภูมิภาค รองนายกรัฐมนตรีฯ ยินดีที่สเปนให้ความสำคัญต่อภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก และประสงค์จะเข้าเป็นอัครภาคีสนธิสัญญามิตรภาพ และความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia: TAC) ของอาเซียน ซึ่งเอกอัครราชทูตสเปนฯ เน้นย้ำว่า ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงที่สเปนและสหภาพยุโรปให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง พร้อมเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคี และกรอบอาเซียน เพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค

ด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ต่างมีความร่วมมือทางการทหารที่ใกล้ชิดมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะกองทัพเรือ โดยรองนายกรัฐมนตรีฯ ขอบคุณกระทรวงกลาโหมสเปนที่สนับสนุนกระทรวงกลาโหมและกองทัพไทยด้านการฝึกและศึกษา ผ่านการสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับนักเรียนโรงเรียนนายร้อยและโรงเรียนนายเรืออย่างต่อเนื่อง ขณะที่เอกอัครราชทูตสเปนฯ เห็นถึงศักยภาพร่วมกันในอนาคตที่สามารถแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมทางการทหาร หลักสูตรและการฝึกอบรมต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการฝึกกำลังพลของทั้งสองประเทศ 

ด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวว่า ไทยจะจัดงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศ (Defense & Security 2025) ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2568 นี้ ซึ่งขอขอบคุณกระทรวงกลาโหมสเปนที่ได้สนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการเป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเอกอัครราชทูตสเปนฯ ยืนยันความพร้อมในการสนับสนุนงานดังกล่าว โดยสเปนจะส่งผู้ประกอบการเข้าร่วมงานฯ ขณะเดียวกันได้เสนอแนะให้มีการจัดเวทีสัมมนาระหว่างภาคเอกชนไทยและสเปนที่มีศักยภาพด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ คู่ขนานกับงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ฯ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีฯ ให้ความสนใจและจะนำไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป 

ในช่วงท้าย รองนายกรัฐมนตรีฯ เชื่อมั่นว่าศักยภาพและความรู้ความสามารถของสเปนจะช่วยเสริมสร้างความพร้อมด้านความมั่นคงให้กับไทยได้ ซึ่งเอกอัครราชทูตสเปนฯ เน้นย้ำความพร้อมที่จะพัฒนาร่วมมืออย่างใกล้ชิดเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันแก่ทั้งสองประเทศ