ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี เผย แนวคิดรวมไทยสร้างชาติ คือ การรวมทุกกลุ่มเดินหน้าประเทศ บรรจุในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ส่วนใครมีคดีต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอ้างประชาธิปไตยไม่ได้ วอนสื่อไม่เสนอข่าวบิดเบือน สร้างความขัดแย้งเรื่องที่ไม่ควร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการทำงานรูปแบบใหม่ ภายใต้แนวคิดรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งจะนำไปบรรจุไว้ในโครงสร้างยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อขับเคลื่อนการทำงานตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 6 ข้อ โดยประชาชนสามารถติดตามความก้าวหน้า ซึ่งต้องรายงานต่อรัฐสภาเหมือนแผนยุทธศาสตร์ชาติ และคำว่ารวมไทยสร้างชาติ คือ New Normal ของตน  

ทั้งนี้ รวมไทยสร้างชาติเป็นการรวมทุกกลุ่ม แต่ไม่ได้หมายถึงคนที่ทำผิดกฎหมาย ถ้าทำผิดให้ไปว่าทางคดีความให้จบสิ้น วันหน้าถ้ารับโทษก็จบเพราะคือคนไทย แต่ถ้าไม่รับโทษคนก็ไม่เกรงกลัวต่อการทำผิด จะอ้างเหตุผลอื่นไม่เหมาะ ยืนยันไม่ได้รังเกียจใคร ไม่เป็นศัตรูกับใครสักคน แต่อย่าจุดประเด็นขึ้นมาเพราะไม่ใช่ข้อเท็จจริง ถ้าทำการเมืองโดยเอาทุกคนเข้ามาผิดถูก ไม่เป็นไรกฎหมายเสียหมดทั้งประเทศ 

พร้อมย้อนถามว่าต้องการให้ประเทศเป็นแบบนั้น ไม่ต้องมีกฎหมายหรือ ยกเลิกทุกอย่าง เพราะคำว่าประชาธิปไตยต้องมีกฎหมาย เพราะกฎหมายให้ความเท่าเทียมจะเลือกลงโทษคนนั้นคนนี้ ทำไม่ได้เพราะเป็นกฎหมายที่บังคับใช้กับทุกคน และตนต้องระวังการใช้กฎหมายเพราะมีกฎหมายบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่ดูเฉพาะเรื่องการเมืองถ้าทำดีก็ทำต่อไป ประชาชนมี 2 ฝ่ายเสมอ แต่ทำอย่างไรให้ประชาชนยอมรับได้ ซึ่งต้องยอมรับกฎหมายก่อน เพราะกฎหมายคือข้อยุติ ให้ไปศึกษากฎหมายว่าใครผิดถูกบริสุทธ์ิหรือไม่อยู่ที่การตัดสินของศาล

วอนอย่าสร้างความขัดแย้ง

นายกรัฐมนตรี ยังขอร้องสื่อมวลชน สำนักพิมพ์ กองบรรณาธิการ ให้ช่วยกันนำเสนอข่าวที่ดีๆ ไม่ใช่เสนอแต่ข่าวที่ขัดแย้งที่มีผลกระทบกับเสถียรภาพ เพราะต่างชาติดูอยู่ เรื่องจริงคืออะไรให้สอบถามอย่านำเสนอข่าวอ้างแหล่งข่าวรัฐบาล เพราะตราบใดที่ ครม.ยังไม่อนุมัติแปลว่าไม่ใช่ รวมถึงข่าวว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มอีกก็ไม่เป็นความจริง ต้องตรวจสอบให้รอบด้าน ไม่ใช่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเสนออะไรมาแล้ว ครม.ต้องเห็นชอบทุกเรื่อง 

ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ยังให้แต่ละกระทรวง นำผลสัมฤทธิ์การทำงานทุก 3 เดือนเสนอต่อประชาชน ไม่เช่นนั้นก็จะมีแต่ข่าวความขัดแย้ง พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะทำให้ดีที่สุดให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจให้ทำงาน เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย ไม่อยากให้เอาทุกเรื่องมาพันกับการเมืองทั้งหมดบ้านเมืองเสียหายใครจะรับผิดชอบ ใครจะแก้ไหว ถ้าต่างประเทศเชื่อยิ่งทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น เพราะธุรกิจการค้าก็เสียหายอยู่แล้ว อะไรที่คุยกันได้ อะไรที่พูดจาไกล่เกลี่ยกันได้ก็ต้องคุย 

นายกรัฐมนตรี ยังขอร้องอย่าสร้างความขัดแย้งในเรื่องที่ไม่ควร อย่าให้มีการละเมิดสถาบัน ละเมิดกฎหมาย เพราะกฎหมายจะทำให้สังคมสงบสุข ถ้าไม่ไปยุ่งกับเขาก็ไม่มีใครต้องถูกลงโทษ รัฐบาลไม่ต้องการจะลงโทษใคร โดยเฉพาะตนถ้าไม่ผิดกฎหมายตนจะไปหาเรื่องทำไมก็เป็นประชาชนคนไทยด้วยกัน แต่ถ้าเขาหาเรื่องเองก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร บางอย่างเขียนให้เป็นนิยาย ทุกวันนี้สื่อนำเสนอแต่ข่าวความขัดแย้ง ยิ่งผู้ดำเนินรายการขยายความจะทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานเพราะทำตามกฎหมาย ซึ่งสิ่งที่พูดมาคือ การรวมไทยสร้างชาติ รวมสื่อสร้างชาติ 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการใช้จ่ายงบประมาณว่าต้องมีความระวังการใช้จ่าย ทั้งงบประมาณปี 63 และงบฟื้นฟู เพราะทุกคนให้ความสนใจ ตนต้องระมัดระวังมากที่สุด โดยระยะแรกจะพิจารณาแผนงานภายในเดือนกรกฎาคม และผ่านคณะกรรมการกลั่นกรอง ซึ่งประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ อีกทั้งยังมีหน่วยงานภายในภายนอกและองค์กรอิสระ รวมถึงยังติดตามตามแผนงานได้ทางเว็บไซต์ด้วย

พร้อมขอให้สื่อทำความเข้าใจและชี้แจงกับประชาชนเรื่องกฎหมายการเงิน การคลัง เพราะลำพังตนชี้แจงคนเดียวไม่ไหว และขอให้สื่อศึกษารายละเอียดไม่ใช่ถามว่าได้หรือไม่ สุดท้ายคำถามจะวนกลับมาที่ตน แต่ถ้าตนพูดคนเดียวเท่ากับปัญหายังอยู่ที่ตน ดังนั้นขอร้องสื่อให้ระมัดระวังการบิดเบือน ปล่อยข่าว เช่น บอกว่ารัฐบาลให้หยุดติดต่อกัน 8 วัน ซึ่งควรพิจารณาดูก่อนว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ทั้งที่รัฐบาลยังไม่ได้พิจารณาแต่การนำเสนอสุดท้ายก็จะกลับมาเล่นงานนายกรัฐมนตรี เพราะไม่ได้หยุด 8 วัน

อึ้ง แผนแหกคุก บรรยิน มีแต่ในหนัง สั่งสอบสวนหาข้อเท็จจริง

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาเจ้าของคดี และเกี่ยวพันการโอนหุ้นของนักธุรกิจดัง โดยวางแผนแหกคุก จับภรรยาผู้บัญชาการเรือนจำเป็นตัวประกัน ว่า ได้ติดตามข่าวหลายวันแล้วนึกว่าเป็นหนัง พร้อมระบุว่า พ.ต.ท.บรรยิน ดูหนังมากไปหรือไม่ ซึ่งแผนแหกคุกมีแต่ในหนัง ถ้าทำได้แปลว่าเจ้าหน้าบกพร่อง จึงไม่น่าจะทำได้ และเรื่องจริงขอให้ตรวจสอบดำเนินการต่อไป อีกทั้งได้ย้ำกับกรมราชทัณฑ์ให้สอดส่องพฤติกรรมผู้ต้องขังให้ดีที่สุด