ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลกัมพูชาให้การต้อนรับผู้นำไทยอย่างสมเกียรติ ด้านการหารือทุกมิติประสบความสำเร็จ ทั้งการร่วมมือปราบอาชญากรรมออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ ฝุ่นควัน และพัฒนาแรงงานร่วมกัน คาดกลางปีนี้ เปิดสะพานมิตรภาพแห่งใหม่ที่สระแก้วได้พร้อมจัดประชุมต่อเนื่องแก้ปัญหาในทุกมิติ

วันนี้ (24 เมษายน 2568) นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงผลการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ในโอกาสครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการระหว่างไทย – กัมพูชา ระหว่างวันที่ 23 – 24 เมษายน 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปการให้สัมภาษณ์ดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความประทับใจ ในการให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติของรัฐบาลกัมพูชา รวมทั้งในปีนี้เป็นปีครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ไทย – กัมพูชาที่ทั้ง 2 ประเทศพร้อมสานความสัมพันธ์อันดีนี้ต่อไป

หลังจากพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ วิมานสันติภาพ นายกรัฐมนตรีได้หารือร่วมกับสมเด็จฯ ฮุน มาแนด นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในหลายประเด็นรวมถึงประเด็นกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งไทยได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จึงเห็นได้ว่าการที่ไทยเลือกติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในทุกๆมิติ ว่ามีความเคลื่อนไหวและความต้องการเพิ่มเติมใดบ้างเพื่อเตรียมข้อมูลให้ดีที่สุดในการเจรจาต่อไป 

“ที่ผ่านมายังไม่ถึง 30 วัน มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก เชื่อว่าสหรัฐฯ เองมีการติดตามดูการตอบรับจากทั่วโลกด้วย เพราะเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ทุกฝ่ายต้องจับตาดูสถานการณ์ก่อน ทั้งนี้ ไทยมีการเตรียมข้อมูลอย่างรอบคอบ และดูว่าจะอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง ในการหารือกับสมเด็จฯ ฮุน มาแนด นายกรัฐมนตรี ก็ได้หารือความร่วมมือในกรอบอาเซียน โดยมีแนวคิดว่าอาเซียนมีทรัพยากรที่โดดเด่นและมีจุดแข็งมากมาย อาเซียนจึงควรร่วมมือกันเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง โดยทั้งสองฝ่ายก็เคยพูดคุยกับผู้นำประเทศอาเซียน และเห็นตรงกันว่า การร่วมมือในกลุ่มอาเซียน จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ และเพิ่มอำนาจต่อรอง โดยไทยและกัมพูชาพร้อมร่วมมือกัน เพื่อรับมือกับประเด็นดังกล่าวไปด้วยกันอย่างเข้มแข็ง โดยต้องเป็นการต่อรองให้เข้มแข็งร่วมกัน แบบ win-win situation ที่ผ่านมาไทยได้ปรึกษากับทุกภาคส่วน รวมทั้งภาคเอกชน เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวและดำเนินการอย่างรอบคอบ” 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความสำเร็จในการเยือนกัมพูชาครั้งนี้ว่า ผู้นำไทยและกัมพูชา ได้เป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงร่วมกัน 7 ฉบับ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน อาทิการลงนามในความตกลง ในด้านสิ่งแวดล้อม การจัดการปัญหา PM2.5 และการไม่เผา  โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติของไทยในประเด็นดังกล่าว รวมทั้งการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้ง 2 ประเทศก็จะมีความร่วมกันอย่างใกล้ชิด และมีความร่วมมือในด้านการข่าว การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า "โดยในช่วงกลางปีนี้ ผู้นำไทย-กัมพูชา จะเป็นประธานร่วมกันในพิธีเปิดสะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชาแห่งแรก ที่บ้านหนองเอี่ยน ซึ่งอยู่ที่ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ ตรงข้ามกับ บ้านสตึงบท ตำบลปอยเปต จังหวัดบันเตียนเมียนเจย กัมพูชา อย่างเป็นทางการพร้อมทั้งจะจัดการประชุมร่วมกันกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (Joint Cabinet Retreat: JCR) ที่บริเวณชายแดนของไทย ที่จังหวัดสระแก้ว เพี่อติดตามความคืบหน้าในการหารือร่วมกัน ในครั้งนี้และติดตามความร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ในทุกประเด็นต่อไป"