ทางการจังหวัดโอซะกะ ทางตะวันตกของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผู้หญิงวัยประมาณ 40 ปี ที่ได้รับการรักษาโรคโควิด-19 จนหายดีและออกจากโรงพยาบาลไปเมื่อต้นเดือนก.พ. ที่ผ่านมา ถูกวินิจฉันว่ามีผลเลือดบวกอีกครั้ง
ผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นไกด์ทัวร์อาศัยอยู่ในเมืองโอซะกะ เธออยู่บนรถบัสขนส่งนักท่องเที่ยวจากเมืองอู่ฮั่นของจีนในช่วงกลางเดือนม.ค. และได้รรับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่ในวันที่ 29 ม.ค. และได้รับการรักษาจนหายออกจากสถานพยาบาลท้องถิ่นในวันที่ 1 ก.พ. และได้รับการยืนยันว่า ไม่มีไวรัสอยู่ในร่างกายแล้วในวันที่ 6 ก.พ.
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 ก.พ. เธอรู้สึกเจ็บคอและเจ็บหน้าอก และหนึ่งสัปดาห์หลังจากไปพบแพทย์หลายครั้ง เธอก็ได้รับการตรวจเลือดหาเชื้อไวรัสโคโรนา และพบว่าผลเลือดเป็นบวกอีกครั้ง
มีรายงานว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวสวมหน้ากากและอยู่แต่ในบ้าน หลังจากที่ออกจากสถานพยาบาลท้องถิ่น เธอไม่ได้ไปทำงาน ไม่ได้ปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับใคร และปัจจุบัน เธอรับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว
เจ้าหน้าที่จังหวัดโอซะกะกล่าวว่า มีความเป็นได้ว่าไวรัสที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายของผู้ป่วยขยายพันธุ์ หรือผู้ป่วยอาจติดเชื้อใหม่อีกครั้ง
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อจากมหาวิทยาลัยโอซะกะ กล่าวว่า ร่างกายคนที่ติดเชื้อมักพัฒนาแอนติบอดี้ ซึ่งทำให้เราไม่กลับมาติดเชื้อเดิมอีก แต่หากมีแอนติบอดี้ไม่เพียงพอ ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อเดิมได้อีกครั้ง หรืออาจเป็นเพราะไวรัสในร่างกายที่แพทย์ไม่สามารถตรวจพบขยายพันธุ์จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 22 ก.พ. เจ้าหน้าที่ในเมืองอู่ฮั่นประกาศใช้มาตรการกักตัวผู้ป่วยที่เพิ่งหายจากโควิด-19 เป็นเวลา 14 วัน หลังจากพบคนที่หายจากโควิด-19 กลับมามีผลเลือดบวกอีกครั้ง โดยผู้ติดเชื้อในเมืองเฉิงตูคนหนึ่งออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 10 ก.พ. หลังจากผ่านมาตรฐานทางการแพทย์ว่าหายดีแล้ว แต่ต้องกลับไปรักษษตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้งใน 9 วันต่อมา เนื่องจากผลตรวจเลือดเป็นบวก
แพทย์ในมณฑลหูเป่ยกล่าวว่า ไม่สามารถส่งผู้ที่เพิ่งหายป่วยกลับบ้านได้ทันที เพราะพวกเขาอาจแพร่เชื้อให้คนอื่น แต่ก็ไม่สามารถกักตัวพวกเขาไว้ที่โรงพยาบาล เพราะมีทรัพยากรไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ นักวิจัยของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีนระบุว่า มาตรการเฝ้าระวังคนที่มีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อควรจะต้องขยายให้กว้างกว่านี้ เพราะผู้ป่วยบางคนอยู่ในระยะแพร่เชื้อ 2 วันก่อนที่จะเริ่มแสดงอาการ
ญี่ปุ่นสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่ง
นายกรัฐมนตรีชินโส อาเบะ กล่าวว่า รัฐบาลจะขอความร่วมมือโรงเรียนประถม และโรงเรียนมัธยมทุกแห่งให้ปิดทำการตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. จนถึงช่วงปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิ
นายอาเบะกล่าวในที่ประชุมเฉพาะกิจการควบคุมโควิด-19ว่า 'รัฐบาลให้ความสำคัญถึงสุขภาพและความปลอดภัยของเด็กๆเหนือสิ่งอื่นใด...การป้องกันดังกล่าวเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดในเด็กของพื้นที่อื่นๆด้วยและจะยืดระยะเวลาการหยุดเรียนออกไปจากปกติอีก 1-2 สัปดาห์เล่นกัน'
ขณะที่ฮอกไกโดมีการสั่งปิดโรงเรียนกว่า 1,600 แห่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนประถมและมัธยมต้น หลังจากที่ฮอกไกโดพบผู้ติดเชื้อกว่า 30 ราย เป็นพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดในญี่ปุ่น
ที่มา: NHK, South China Morning Post, Japantimes