ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี เห็นใจและเข้าใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเข้มข้น วอนขอให้อดทน ยืนยันรัฐบาลจะดูแลให้ได้มากที่สุด ส่วนกรณีการส่งออกหน้ากากอนามัย 5.6 ล้านชิ้น เป็นเพียงข้อมูลการนำเสนอข่าว ตรวจสอบแล้วไม่พบ

ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ตามที่รัฐบาลมีมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเลื่อนวันหยุดสงกรานต์หรือปิดบางสถานที่ เช่น มหาวิทยาลัย โรงเรียนรัฐและเอกชน สถานกวดวิชา สนามม้า สนามมวย สนามกีฬา โรงภาพยนตร์ โรงละคร ฟิตเนส สปา ทั้งนี้ เพื่องดการเดินทางโดยไม่จำเป็นเพราะจะเป็นพาหะในการแพร่เชื้อในกลุ่มคนจำนวนมาก รวมทั้งป้องกันการแพร่ระบาดจากพื้นที่หนึ่งไปอีกพื้นที่ ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยและเห็นใจพี่น้องประชาชน โดยขอความร่วมมือประชาชน ให้ช่วยงดเดินทางโดยไม่จำเป็น เพราะอาจจะเป็นพาหะในการแพร่เชื้อโควิด-19 ไปพื้นที่อื่น ๆ พร้อมทั้งขอผู้ใช้แรงงานให้ช่วยอดทนไปอีกระยะหนึ่ง หากมีอาการเป็นไข้ขอให้ไปพบแพทย์ทันที หากเดินทางจากพื้นที่เสี่ยงขอให้กักตนเอง 14 วัน ทั้งนี้ ทุกพื้นที่ให้ยึดถือแนวปฏิบัติของรัฐบาล ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการสาธารณะสุข อย่างเคร่งครัด 

ส่วนกรณีการส่งออกหน้ากากอนามัยที่เป็นข้อสงสัยของพี่น้องประชาชนในขณะนี้ จากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงขั้นต้นโดยคณะทำงานที่นายกรัฐมนตรีจัดตั้งร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายใน กรมศุลกากร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการตรวจสอบตามแนวทาง ได้แก่ 1. ช่วงก่อนมีประกาศของกระทรวงพาณิชย์เป็นสินค้าควบคุมและประกาศควบคุมการส่งออก มีการอนุมัติโดยอธิบดีกรมการค้าภายในออกไปกี่ชิ้น และหลังประกาศฯ มีการส่งออกจำนวนเท่าไหร่ 2. ชนิดหน้ากากที่ส่งออกไปแล้วและที่กำลังรอการส่งออกเป็นชนิดที่ถูกต้องตามที่ขออนุมัติและข้อกำหนดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ ซึ่งการตรวจสอบดังกล่าวยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการตรวจอย่างละเอียดรอบคอบ 

สำหรับกรณีมีการพบหน้ากากอนามัยจำนวน 5.6 ล้านชิ้นรอการส่งออกนั้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า เป็นเพียงข้อมุลจากการเสนอข่าว ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว 'ไม่พบ' ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับว่า หากมีหน้ากากที่จะส่งออกอีกจะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ให้ถูกต้องตามข้อกำหนด หลักเกณฑ์ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์และระหว่างนี้ให้มีการเจรจากับผู้ผลิตที่ทำการผลิตเพื่อส่งออก ให้ชะลอการส่งออกและให้ดำเนินการผลิตเพื่อใช้ในประเทศเท่านั้นในช่วงวิกฤตินี้ ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบข้อกฎหมายและสัญญาว่าทำได้หรือไม่