ไม่พบผลการค้นหา
กรมควบคุมโรค เผยผลตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่าแรงงานชาวเมียนมา ไม่ได้ป่วยด้วยโรคไข้กาฬหลังแอ่น แต่เกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด แนะประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดเป็นเวลานาน ระวังการสัมผัสกับน้ำมูก น้ำลายของผู้อื่น และล้างมือบ่อยๆ ป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่น

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่าพบแรงงานชาวเมียนมา อายุ 44 ปี สงสัยป่วยด้วยโรคไข้กาฬหลังแอ่น ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร นั้น กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลว่า จากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุด ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบว่าผู้ป่วยรายดังกล่าว ไม่ได้ป่วยด้วยโรคไข้กาฬหลังแอ่นแต่อย่างใด โดยสาเหตุที่พบเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือด 

อย่างไรก็ตาม ในการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่ดังกล่าว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันดำเนินการตามมาตรการต่างๆ อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรค รวมถึงการสื่อสารให้ความรู้ ความเข้าใจ และสร้างความตระหนักแก่ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ที่มีลักษณะคล้ายกันในชุมชนแต่อย่างใด 

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับโรคไข้กาฬหลังแอ่น เป็นโรคติดต่อจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ทางน้ำมูก น้ำลาย สารคัดหลั่งต่างๆ โรคนี้สามารถเกิดได้ทุกวัย แต่มักพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ อาการคือ มีไข้ ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน คอแข็ง อาจมีผื่นแดง จ้ำเลือดขึ้นตามผิวหนังร่วมด้วย และอาจเกิดภาวะช็อกอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวและภูมิต้านทานโรคต่ำ เช่น โรคตับไต โรคหัวใจ โรคเลือด ดื่มสุราเป็นประจำ อาจมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้

ทั้งนี้ ต���มพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 โรคไข้กาฬหลังแอ่น เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด กรณีที่พบผู้ป่วยสงสัย สำหรับวิธีป้องกันโรค ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดเป็นเวลานาน เช่น สถานบันเทิง ตลาดที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เป็นต้น ระวังการสัมผัสกับน้ำมูก น้ำลายของผู้อื่น และล้างมือบ่อยๆ ส่วนผู้ที่เดินทางไปทวีปแอฟริกาหรือประเทศในตะวันออกกลาง ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้กาฬหลังแอ่นเพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน หากประชาชนมีอาการป่วยสงสัยว่าเป็นโรคไข้กาฬหลังแอ่น ควรรีบพบแพทย์ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422