นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ประชาชนจำนวนมากได้ออกมาเปิดเผยและร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาค่าไฟฟ้าแพงมากในรอบบิลที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นประเด็นปัญหาซ้ำเติมประชาชน ในช่วงที่รัฐบาลรณรงค์ขอร้องให้ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนกระทั่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กฟผ. สนพ.และ กกพ.ต้องรีบออกมาแก้หน้าด้วยการเสนอมาตรการเพิ่มเติมในการลดค่าครองชีพให้ประชาชน โดยเสนอเข้า ครม.ในวันนี้นั้น
ทั้งนี้ สาเหตุที่ค่าไฟฟ้าแพงนั้นไม่ใช่เกิดขึ้นในช่วงนี้เท่านั้น แต่รัฐบาลมักใช้กลไกดูดเงินออกจากกระเป๋าประชาชนหลายช่องทางอย่างแยบยลโดยไม่รู้สึกตัวผ่านค่า FT ค่าบริการรายเดือน ค่าพลังงานไฟฟ้าแบบก้าวหน้าเป็นขั้นบันไดคือใช้จำนวนมากก็เสียค่าไฟฟ้ามากขึ้น ทั้งๆที่ควรเรียกเก็บตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าตามจำนวนหน่วยต่อเดือนจากปริมาณการใช้จริง
ล่าสุดสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยตรวจสอบพบว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้นทุนของการผลิตไฟฟ้าแพงมาก คือ การจัดซื้อจัดหาพัสดุครุภัณฑ์สำหรับการซ่อมบำรุง สถานีไฟฟ้าแรงสูง และสถานีไฟฟ้าย่อยในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศในโครงการ Supply and Construction of 500/230 kv(GIS) มีการจัดซื้อจัดหากันในราคาแพงกว่าที่ซื้อขายในท้องตลาดทั่วไปมากกว่า 10 เท่าและมีคุณภาพต่ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก เช่น เครื่อง Portable SF6 Gas leakage detector ราคาจริง 12,000 บาท แต่ขายให้การไฟฟ้า 350,431 บาท, เครื่อง Gas decom position tester ราคาจริง 120,000 บาท แต่ขายให้การไฟฟ้า 1,121,379 บาท, เครื่อง Precision pressure gauge ราคาจริง 15,000 บาท แต่ขายให้การไฟฟ้า 192,737 บาท และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเมื่อมีการจัดซื้อจัดหากันมาได้แล้วก็มาบีบบังคับให้หัวหน้าสถานีไฟฟ้าแต่ละแห่งเซ็นรับครุภัณฑ์ดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติอย่าเรื่องมาก ซึ่งหัวหน้าสถานีไฟฟ้าบางแห่งกลัวถูกร่างแหในการตรวจสอบ จึงไม่กล้าเซ็นรับจำต้องไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจ
กรณีดังกล่าวเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า ราคาค่าไฟฟ้าที่ถูกโขกสับในราคาแพงทุกวันนี้ต้นเหตุหนึ่งคือการจัดซื้อจัดหาพัสดุครุภัณฑ์มาในราคาสูงอย่างผิดปกติ ซึ่งสุดท้ายจะถูกนำไปรวมเป็นค่าต้นทุนการผลิตและบริการของการไฟฟ้า และถูกนำไปรวมเป็นค่า FT มาดูดเงินในกระเป๋าประชาชนทุกครัวเรือนนั่นเอง ซึ่งเรื่องพรรค์นี้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปร้องเรียนต่อผู้ว่าการฯตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. เพื่อดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในวันพุธที่ 22 เม.ย.63 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ซ.อารีย์ ถ.พระราม 6 พญาไท กทม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :