วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม 2567) ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือทวิภาคีกับผู้นำระหว่างประเทศ ในห้วงการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 3 (3rd Asia Cooperation Dialogue Summit: ACD) โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
เวลา 8.20 น. หารือทวิภาคีกับ นายมัสอูด เปเซชกียาน (Masoud Pezeshkian) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
โดยนายกรัฐมนตรียืนยันความพร้อมของประเทศไทยที่จะร่วมมือกับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ซึ่งในปี 2568 จะเป็นวาระฉลองครบรอบ 70 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย อิหร่าน โดยนายกรัฐมนตรีมุ่งหวังที่จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และเสนอแนวทางที่จะร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองวาระที่สำคัญนี้ในปีหน้า อาทิ ด้านวัฒนธรรมและด้านกีฬา พร้อมกล่าวเชิญประธานาธิบดีอิหร่านเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วย
ด้านประธานาธิบดีอิหร่าน ระบุว่า อิหร่านพร้อมให้ความร่วมมือกับไทยในด้านที่มีศักยภาพร่วมกัน และได้หยิบยกกรณีสถานการณ์ในกาซา – เลบานอน และขอให้ไทยให้การสนับสนุนสันติภาพให้เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไทยพร้อมสนับสนุนสันติภาพร่วมกันในตะวันออกกลาง โดยเชื่อมั่นว่าเวที ACD นี้ จะเป็นอีกโอกาสสำคัญที่ได้รวบรวมผู้นำทุกฝ่ายที่จะสามารถสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในโลกได้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณนายมัสอูด เปเซชกียาน (Masoud Pezeshkian) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ในการช่วยเหลือเจรจา ปล่อยตัวประกันคนไทย ในช่วงเวลาที่ผ่านมาและขอให้สนับสนุนการเจรจาช่วยเหลือปล่อยตัวประกันคนไทยจำนวน 6 คนเพิ่มเติมด้วย
จากนั้น เวลา 11.15 น. นายกรัฐมนตรี ได้เข้าหารือทวิภาคีกับ เชค มุฮัมมัด บิน อับดุรเราะฮ์มาน บิน ญาสซิม อาล ษานี (His Excellency Sheikh Mohammed bin Abdulrahman bin Jassim Al-Thani) นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัฐกาตาร์
โดยนายกรัฐมนตรีกาตาร์กล่าวแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรีสุภาพสตรีที่อายุน้อยที่สุดที่เดินทางมาเยือนกาตาร์ เชื่อมั่นในความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี ซึ่งกาตาร์พร้อมขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเพื่อพัฒนาศักยภาพร่วมกัน และพร้อมที่จะร่วมมือด้านหุ้นส่วนทางเทคโนโลยี การศึกษา เพื่อพัฒนาทั้งสองประเทศให้ดียิ่งขึ้น
“ฝ่ายกาตาร์เห็นความสำคัญของการพัฒนา AI Application โดยมองว่าจะมีบทบาทเป็น game changer ในอนาคตอันใกล้ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีไทยได้กล่าวถึงจุดเด่นของไทย ซึ่งมีความพร้อมในการเป็น Food stocksให้กับกาตาร์โดยฝ่ายกาตาร์ตอบรับด้วยความยินดี ”
ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณฝ่ายกาตาร์ที่มีส่วนในการไกลเกลี่ยให้การปล่อยตัวประกันไทย และขอให้กาตาร์ช่วยเจรจาเพื่อการปล่อยตัวเพิ่มเติม
จากนั้น เวลา 11.30 น. นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ เชค ตะมีม บินฮะมัด อาล ษานี (His Highness Sheikh Tamim bin Hamad Al-Thani) เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์
โดยเจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศไทย โดยได้กล่าวว่า ไทยและกาตาร์มีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม excellent relationship ระหว่างกัน ชาวกาตาร์เดินทางเยือนไทยจำนวนมาก เนื่องจากไทยมีจุดเด่นด้านท่องเที่ยวเพื่อการรักษาพยาบาล (Health Tourism)
ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ไทยพร้อมที่จะริเริ่มความร่วมมือใหม่ๆกับกาตาร์ อาทิ ด้านซอฟพาวเวอร์ ความร่วมมือด้านบุคลากร เพื่อ up-skill re-skill บุคลากรไทยเพื่อรองรับความสามารถในการแข่งขันต่าง ๆ
พร้อมกันนี้ เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ได้กล่าวถึง AI Application และทรงเห็นว่าประเทศขนาดกลางควรจะมีความร่วมมือด้าน AI เพื่อเสริมศักยภาพ ร่วมกัน โดยในโอกาสนี้ ได้กล่าวว่า กาตาร์พร้อมร่วมมือกับรัฐบาลไทยในทุก ๆ ความร่วมมือ (any kind of corporations) ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยได้กล่าวถึงความพร้อมของไทยในการเป็น Food stocks พร้อมได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสานต่อความร่วมมือต่อไป
จากนั้นเวลา 11.48 น. นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้เข้าหารือทวิภาคีกับ นายเอมอมาลี เราะห์มาน (H.E. Mr. Emomali Rahmon) ประธานาธิบดีเเห่งสาธารณรัฐทาจิกิสถาน โดยประธานาธิบดีทาจิกิสถาน ชื่นชมนายกรัฐมนตรีพร้อมอวยพรให้นายกรัฐมนตรีประสบความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจนายกรัฐมนตรี ซึ่งไทยเเละทาจิกิสถานจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ ความร่วมมือ ที่อบอุ่นเเละจริงใจต่อกัน โดยประธานาธิบดีได้กล่าวว่า ชื่นชอบประเทศไทยเป็นการส่วนตัว เคยเดินทางมาท่องเที่ยวทะเลที่ภาคใต้ของไทย เพราะเป็นประเทศที่สวยงาม มี Landscape ที่สวยงาม มีอาหาร ผลไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารซีฟู้ด เนื่องจากทาจิกิสถานไม่มีทางออกทะเล รวมทั้ง มีผู้คนที่น่าประทับใจ ทำให้เป็นหนึ่งในประเทศที่ชื่นชอบที่สุด ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้เชิญให้ประธานาธิบดีทาจิกิสถานเดินทางเยือนไทยในเร็ววันนี้
เวลา 13.15 น. เข้าเฝ้าฯ เชค เศาะบาฮ์ อัลคอลิด อัลฮะมัด อัลมุบาร็อก อัศเศาะบาฮ์ (His Highness Sheikh Sabah Khaled Al-Hamad Al-Sabah) มกุฎราชกุมารและรองเจ้าผู้ครองรัฐคูเวต โดยมกุฎราชกุมารฯ ยินดีที่ได้พบนายกรัฐมนตรีพร้อมได้ฝากความปรารถนาดีไปถึงพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งคูเวตมีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันแล้ว 61 ปี รวมทั้งยังมีโอกาสและช่องทางที่จะขยายความร่วมมือได้มากขึ้น อีกทั้งนักท่องเที่ยวคูเวตต่างชื่นชอบประเทศไทย และมีความสนใจในการเดินทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทย พร้อมกันนี้ได้กล่าวว่า คูเวตมีความต้องการแรงงานฝีมือจากไทยเพื่อมาช่วยพัฒนาประเทศ
นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายในด้านสาธารณสุขจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้เกิดความร่วมมือระหว่างกันอย่างเข้มแข็ง พร้อมกันนี้ได้กล่าวว่าไทยพร้อมที่จะเป็น Food Stocks ให้ประเทศคูเวต เพื่อช่วยให้คูเวตต่อสู้กับความท้าทายด้าน Food security
โดยในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนให้นักลงทุนคูเวตร่วมลงทุนในประเทศไทย และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะมีโอกาสแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง โดยฝ่ายคูเวตได้กล่าวขอบคุณประเทศไทยที่มีบทบาททำให้เกิดความร่วมมือของประเทศในเอเชีย 35 ประเทศ ภายใต้ความร่วมมือ ACD ซึ่งในนามประธาน ACD ในปีหน้า นายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะกระชับความร่วมมือนี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น