ที่ตลาดนัดเซฟวัน จ.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้อำนวยการพรรค และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานผู้สมัครภาคอีสาน ร่วมกันขึ้นเวทีปราศรัยช่วย ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคหาเสียง ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมรับฟังกว่า 25,000 คน ขณะที่แกนนำเมื่อเดินเข้าสู่พื้นที่จัดงาน มีประชาชนจำนวนมากมอบพวงมาลัยดอกดาวเรืองเพื่อแสดงสัญลักษณ์ของการให้กำลังใจและสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ทำให้แกนนำต้องใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงสามารถเดินขึ้นสู่เวทีปราศรัยได้
นายอุตตม กล่าวว่า 10 ปีที่ผ่านมามีแต่ความขัดแย้ง แกร่งแย่งชิงอำนาจ รัฐบาลเหล่านั้นแทบไม่มีเวลาทำงานเพื่อประชาชน พรรคพลังปรารัฐ จึงตั้งใจเข้ามาเพื่อนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง ด้วยการนำเสนอผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ ทั้งใน จ.นครราชสีมาและทั่วประเทศ ที่จะเข้าไปทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนในรัฐสภา พรรคเรามีนโยบายที่ตอบโจทย์ มีผู้นำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เราจึงขอโอกาสอาสาพาประเทศ พี่น้องคนไทยก้าวข้ามความขัดแย้งมองไปข้างหน้าสู่อนาคตที่สดใส ประเทศเราสงบมาแล้ว 5 ปี ทำมาหากินได้บ้านเมืองเดินหน้าได้ วันนี้พรรคมาเสนอตัวในการร่วมกันเดินหน้า เราไม่ตีกับใคร แต่ใครจะตีเรามากไม่ได้ เพราะพี่น้องประชาชนอยู่กับเรา พรรคพลังประชารัฐมาทำงาน เพื่อแก้ปัญหาที่สะสมมานาน แก้ตรงจุด ทำได้จริง และ ทำได้ทันที ที่สำคัญ พรรคเราจะเปลี่ยนโคราชไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
“เราต้องการผู้นำที่สามารถนำพาประเทศในห้วงเปลี่ยนผ่านประเทศ ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นคนโคราช แต่วันนี้มีวาทกรรมที่พูดกันมากคือ พวกเรามาเพื่อสืบต่ออำนาจ ทั้งที่เราไม่มีสี ไม่มีขั้ว เรามีขั้วเดียวคือ ขั้วคนไทย เราจะสืบทอดอะไร สิ่งที่เราจะสืบทอดมีเพียงอย่างเดียว คือ สืบทอดความสงบ เพื่อนำพาบ้านเมืองไปต่อ” นายอุตตมกล่าว
ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐเสียใจที่สุดที่พา พล.อ.ประยุทธ์ แคนติเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค มายืนบนเวทีนี้ มาพบพี่น้องชาวโคราช ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่านไม่ได้ เพราะเขาไม่ยอมให้มา แต่ท่านนายกฯบอกไม่เป็นไร ให้พวกผมมาแทน เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ คือการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของประเทศ เนื่องจาก 10 ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองติดหล่ม เกิดการแบ่งแยก แบ่งสี แบ่งฝ่าย ดังนั้นวันนี้สิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องตัดสินใจ คือ ต้องเลือกไม่ให้บ้านเมืองกลับไปเหมือนเดิม เนื่องจากหากขัดแย้งนโยบายอะไรก็เดินหน้าต่อไม่ได้ หากอยากเห็น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อยากเห็นประเทศเดินหน้าต่อ พวกผมอาสาทำให้ แต่ชาวโคราชก็ต้องร่วมพาประเทศก้าวข้ามไปด้วยกัน โดยเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 14 เขต
“วันนี้มีแกนนำตั้ง 3 ขั้ว คือ พรรคพลังประชารัฐ ที่ประกาศเอาคนโคราช อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคที่ 2 คือพรรคที่ถูกครอบงำ ไม่รู้ใครเป็นหัวหน้าตัวจริง ซึ่งตนไม่ขอพูดถึง และอีกพรรคคือ ประชาธิปัตย์ที่ล่าสุด ประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี วันนี้จึงมาถึงจุดที่พวกเราต้องช่วยกัน เพราะหากบ้านเมืองเป็น สามขั้วแบบนี้ หลังเลือกตั้งประเทศคงเดินต่อไม่ได้ ซึ่งพรรคเราไม่ปราถนา เนื่องจากประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องเห็นแก่ประชาชน วันนี้ผมจึงวิงวอนว่า อย่าให้ใครเอาเราเป็นเครื่องมือ อย่าให้ใครมาหลอกเราอีก ขอพี่น้องพาประเทศไทยไปกับพรรคพลังประชารัฐ เลือกลุงตู่ เป็นนายกฯ เลือกพลังประชารัฐทั้งจังหวัด”นายสนธิรัตน์กล่าว
ขณะที่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้ส่งตนเองมาฝังตัวที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเดือน เพราะเห็นความสำคัญของโคราช ที่ต้องการทำให้โคราชดีกว่านี้ รวมถึงโคราช เป็นบ้านเกิดของพล.อ.ประยุทธ์ แคนดิเดทนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นลูกหลานย่าโม โดยวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ อยากเดินทางมาด้วยตัวเอง แต่ไม่สามารถมาได้ จึงส่งอดีต 4 รัฐมนตรีมาพบกับประชาชน พร้อมเขียนกลอนมาฝากด้วยตัวเอง ซึ่งกลอนมีชื่อว่า พลังประชารัฐ
โดยนายสุวิทย์ ได้อ่านกลอนที่พล.อ.ประยุทธ์ เขียนมาฝากชาวโคราช ว่า
"จากใจ ถึงใจ ไทยทุกผู้
เรารวมอยู่ เป็นชาติ นานนักหนา
ทั้งบ้านเรือน ก่อสร้าง พัฒนา
เพื่อวันนี้ วันหน้า เชื่อมโยงกัน
อยากจะให้ มีใคร จิตอาสา
ประชารัฐ พัฒนา อย่างสร้างสรรค์
ทั้งคนรวย รายได้น้อย คอยช่วยกัน
สร้างสวรรค์ แผ่นดินทอง พี่น้องไทย
อย่ายอมให้ คนพาล มาผลาญชาติ
ป่าวประกาศ ศักดิ์ศรี ที่ไหนไหน
ให้โลกรู้ แผ่นดินนี้ มีคนไทย
ทั้งรุ่นใหม่ รุ่นเก่า พร้อมยอมพลี
หวังเพียงให้ เกิดพัฒนา นำพาชาติ
กวาดบ้านเมือง ให้สะอาด เกิดสุขขี
เราจะพร้อม ยอมตาย สามัคคี
แผ่นดินนี้ พลังประชารัฐ รวมคนไทย"
สุริยะ ประกาศปลดหนี้กองทุนหมู่บ้าน - กองทุนประชารัฐ
ด้านนายสุริยะ ที่เชิญชวนให้ประชาชนเลือกพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล พร้อมประกาศปลดหนี้ให้กับประชาชนที่เป็นหนี้กองทุนหมู่บ้าน ผ่านนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ คือ พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปี และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ผ่านการตั้งกองทุนประชารัฐ หมู่บ้านละ 2 ล้านบาท พร้อมระบุว่า สาเหตุที่ต้องกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้ง เพราะเห็นความยากจนของประชาชน ที่สำคัญ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาขอให้ช่วยกันทำงานเพื่อประเทศ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นคนดี ตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติ
ขณะที่นายอนุชา ขึ้นปราศรัยต่อว่าตนรู้ถึงหัวใจของประชาชนส่วนใหญ่ และ ชาวนาของประเทศที่ลำบาก เพราะเป็นหนี้ ไม่ว่าผ่านมากี่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทุกวันนี้มีแต่คนพูดถึงการสืบทอดอำนาจ แต่ไม่เคยพูดถึงความกินดี อยู่ดี และการปลดหนี้ให้ประชาชน ทั้งที่เงินบาทแรกที่หมุนเวียนและเป็นเส้นเลือดใหญ่ของระบบเศรษฐกิจในประเทศ คือ เงินของเกษตรกร ดังนั้นสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐตกผลึกเพื่อช่วยแก้ปัญหา คือ เริ่มจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้ประชาชนอยู่ได้ ต่อจากนั้นคือ การการันตีราคาพืชผล และเติมเงินให้เกษตรกร โดยราคาอ้อยต้องไม่ต่ำกว่า 1,200 บาท และ ราคายาง ไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 65 บาท, การันตีราคาข้าว 2,000 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 20ไร่ ขณะที่การปลูกข้าว จะเติมเงินให้ 1,500 บาทต่อไร่ ทั้งนี้พวกเราตั้งใจและสู้ตาย เพื่อทำงานให้ประชาชนทั้งประเทศหายจากความยากจน เราจะไม่เข้าสู่การเมืองเพื่อแสวงหาอำนาจ หรือสร้างความขัดแย้งแตกแยกทางการเมือง
ส่วนนายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ตนเองก็เป็นชาวโคราช เพราะครอบครัวเป็นคนโคราช รวมถึงตนก็เคยบวชแถวนี้ จึงมาขอเสียงชาวโคราช และถึงแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้มา แต่ก็ได้ยินเสียงประชาชน ขณะเดียวกัน พรรคพลังประชารัฐ เริ่มมาเป็นระยะเวลา 4 เดือน แต่ทุกโพลคะแนนไม่ลำดับ 1 ก็ลำดับ 2 เพราะมีนโยบายต่างๆที่ตอบโจทย์ประชาชน อาทิ บัตรประชารัฐ พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 5 ปี มารดาประชารัฐ สปก.4.0 ช่วยค่าเก็บเกี่ยวข้าว รวมถึงจากนี้ จะช่วยคนจนที่ไม่มีบ้าน ด้วยการเดินหน้าบ้านล้านหลัง บ้านมั่นคง บ้านพอเพียง