ไม่พบผลการค้นหา
คณะทำงานติดตามการชุมนุมฯ พรรคเพื่อไทย ปฏิเสธอยู่เบื้องหลังม็อบปลดแอก ย้ำไปในนามผู้สังเกตการณ์ เชื่อไม่มีใครเกณฑ์คนไปชุมนุมได้ ด้าน 'อนุดิษฐ์' เผยครูอาจารย์ร้องเรียนถูกผู้มีอำนาจคุกคาม เตือนนายกฯ ต้องใส่ใจปัญหามากกว่านี้

สมคิด เชื้อคง ประธานคณะทำงานเพื่อติดตามการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ในคณะกรรมาธิการการปกครองสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในนามของคณะทำงานได้คิดตามการชุมนุมของคณะประชาชนปลดแอกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา อย่างใกล้ชิด และเท่าที่สังเกตการณ์ไม่มีอะไรที่รุนแรง และจบลงด้วยดี 

ส่วนการชุมนุมในต่างจังหวัดที่มี เรียนแสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองด้วยการชูนิ้ว 3 นิ้วของชาติเคารพธงชาติ จึงฝากไปยังคณะครูอาจารย์เจ้าหน้าที่ว่าขอเปิดให้นักเรียนได้แสดงออกเพราะไม่มีอะไรเกินเลย นอกจากนี้คณะทำงานยังได้รับการประสานงานจากผู้ที่ได้รับหมายเรียก 15 คนเพื่อมาขอให้  ย้ำว่าพร้อมดูแลและประกันตัวทั้งชั้นสอบสวนและชั้นศาล หากญาติไม่ประกันตัวคณะก็พร้อมดูแล 

ส่วนปัญหาข้อร้องเรียนเรื่องของสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่การชุมนุม ที่ไม่สามารถคิดต่อกันได้ ทางคณะจะเสนอเรื่องไปยังกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุนมีจิรายุห่วงทรัพย์ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาเชิญผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือมาให้ชี้แจง ว่าเหตุใดจึงเกิดปัญหาดังกล่าว 

สมคิด กล่าวย้ำว่า หากครูอาจารย์ปิดกั้นการแสดงออกของนักเรียน นักศึกษา พร้อมนำเรื่องเข้าสู่กรรมาธิการการศึกษาของสภาผู้แทนราษฎรให้เชิญมาชี้แจงถึงมาตรการดูแลนักเรียน ส่วนการชุมนุมในต่างจังหวัดหากจะมีการชุมนุมคณะทำงานของ ส.ส.เพื่อไทยพร้อมลงไปสังเกตการณ์ ทั้งนี้ปฏิเสธข้อสังเกตว่าการชุมนุมมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง โดยชี้แจงแต่แรกว่าพรรคเพื่อไทยไปในนามผู้สังเกตการณ์ และไปเพียง 6 คนเท่านั้น และเชื่อว่าคงไม่มีใครเกณฑ์คนไปชุมนุมได้ 

โดยยังเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีว่า อย่าเพียงเชื่อข้อมูลที่ได้รับรายงานว่าผู้ชุมนุมมีจำนวนเพียง 5,000 คน แต่ให้ไปดูเหตุการณ์จริงในพื้นที่การชุมนุม ว่ามีนักเรียนนักศึกษามาร่วมชุมนุมมากขนาดไหน

'อนุดิษฐ์' เผยครู-อาจารย์ ร้องเรียนถูกผู้มีอำนาจคุกคาม

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน เปิดเผยว่า หลังจากคณะทำงานเปิดช่องทางการสื่อสารให้ผู้ถูกคุกคามและบุคคลทั่วไป สามารถร้องเรียนและแจ้งเบาะแสข้อมูลต่างๆ เข้ามาได้นั้นพบว่า นอกเหนือจากเยาวชนจะถูกละเมิดสิทธิ์และถูกคุกคามแล้ว ยังมีรายงานเข้ามาว่าครูอาจารย์ก็โดนคุกคามและกดดันมาจากผู้มีอำนาจด้วยเช่นกัน โดยในรายงานระบุชัดเจนว่า มีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ ออกมากดดันและคาดโทษผู้บริหารสถานศึกษาและครูอาจารย์ ที่ปล่อยให้นักเรียนแสดงออกทางการเมือง ในขณะเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐ เช่นตำรวจ และทหาร ก็ออกมากดดันให้ครูอาจารย์ร่วมมือส่งชื่อรายชื่อเด็กและผู้ปกครองที่เป็นแกนนำให้แก่ฝ่ายความมั่นคงด้วยเช่นกัน

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ครูอาจารย์กลายเป็นจำเลยสังคมเพราะโดนกระหนาบจากทั้ง 2 ฝั่ง ฝั่งหนึ่งก็คือผู้ปกครองและนักเรียนที่เห็นว่าการแสดงออกทางการเมืองภายใต้กฎหมายเป็นสิทธิเสรีภาพที่คนไทยทุกเพศ ทุกวัย สามารถกระทำได้ ส่วนอีกฝ่ายก็คือผู้มีอำนาจ ที่สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายประจำ ดูแลกดดันครูอาจารย์ในฐานะผู้รับผิดชอบสถานศึกษา ต้องกำหนดมาตรการต่างๆไม่ให้เยาวชนแสดงออกได้ ดังนั้นครูอาจารย์จึงโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง จากข้อเท็จจริงดังกล่าว พรรคเพื่อไทยจึงอยากเรียกร้องไปยังผู้มีอำนาจทุกฝ่ายให้หยุดกดดันผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่งตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และช่วยกันกำกับดูแลให้ผู้รับผิดชอบทุกฝ่าย เปิดพื้นที่ให้แก่ลูกหลานเยาวชนได้แสดงออกทางการเมือง และแนะนำให้เด็กๆใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

“คณะทำงานได้เปิดช่องทางให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครูอาจารย์ ที่ถูกข่มขู่คุกคามและกดดันจากเจ้าหน้าที่รัฐไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ร้องเรียนสามารถแจ้งเข้ามาได้ตามช่องทางการสื่อสารต่างๆของพรรคเพื่อไทย หรือติดต่อส่งข้อมูลโดยตรงได้ที่ ส.ส.ของเราทุกคน พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าประชาธิปไตยต้องเกิดขึ้นที่โรงเรียนให้ได้เสียก่อน ดังนั้นผู้บริหารสถานศึกษา ครูอาจารย์จึงควรให้การสนับสนุนลูกศิษย์อย่างเต็มที่ สอนให้เยาวชนรู้จักการใช้สิทธิเสรีภาพภายใต้กฎหมาย คุ้มครองให้เด็กๆทำกิจกรรมได้อย่างปลอดภัย อย่าปล่อยให้ลูกหลานเยาวชนของเราไปชุมนุมที่อื่น เพราะการแสดงออกในรั้วของโรงเรียนยังอยู่ในสายตาของครูอาจารย์ที่รักและห่วงใย คอยปกป้องดูแลและให้คำแนะนำดีๆแก่ลูกศิษย์ได้ตลอดเวลา” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ไม่สบายใจที่รัฐบาลทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลงมาเอาใจใส่กับเรื่องนี้ให้มากขึ้น อย่างน้อยที่สุดควรให้นโยบายกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งฝ่ายประจำและฝ่ายมั่นคง ให้เลิกแทรกแซงสถาบันการศึกษาต่างๆ ในทุกระดับ ให้เสรีภาพกับครูอาจารย์ในการดูแลปกป้องลูกศิษย์ หยุดกดดันและใช้ครูอาจารย์เป็นเครื่องมือในการละเมิดเสรีภาพและลิดรอนสิทธิ์ของยาวชน เพราะจากการสอบถามไปยังสถาบันการศึกษาพบว่า ไม่มีครูบาอาจารย์คนไหนอยากเป็นเผด็จการคอยชี้นิ้วห้ามปรามเด็กๆ ขณะเดียวกันก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนไหนที่อยากจับนักเรียนที่ชู 3 นิ้วเช่นกัน ดังนั้นปัญหาของประเทศนี้จึงไม่ได้อยู่ที่ผู้บริหารสถานศึกษา ครูอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ปัญหาที่แท้จริงน่าจะอยู่กับผู้บริหารประเทศอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกครหาว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการมากกว่า เพราะ 6 ปี ที่ผ่านมาคนไทยมีปัญหาโดนละเมิดสิทธิเสรีภาพมาตลอด ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจึงควรเร่งสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐหยุดกดดันผู้ชุมนุมในทุกระดับได้แล้ว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :