นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ยื่นญัตติด่วน เสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและการใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ ตามมาตรา 44 เนื่องจากผลของการกระทำยังคงมีผลอยู่ถึงปัจจุบันนี้ ทั้งเสรีภาพในการชุมนุม เสรีภาพในการตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่น ประชาชนสูญเสียที่ดินทำกิน เอื้อให้กลุ่มทุนบางกลุ่มได้รับประโยชน์ และยังไม่สามารถเลือกตัวแทนเข้าไปทำงานระดับท้องถิ่นได้ จึงเป็นความจำเป็นที่ต้องตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อวินิจฉัยผลกระทบ
ส่วนแนวทางของกลุ่มไอลอว์ เสนอร่างกฎหมายให้ยกเลิกประกาศคำสั่งหัวหน้า คสช. 35 ฉบับ นายรังสิมันต์ บอกว่า การตั้งกรรมาธิการเป็นการศึกษาผลกระทบ หากสามารถตั้งคณะกรรมาธิการได้จริง ก็น่าจะนำคนอื่นภายนอกเข้ามาในกรรมาธิการได้
ด้านนางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาสัมภาษณ์วิพากษ์วิจารณ์ กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่แสดงวิสัยทัศน์ เรียกร้องให้อาเซียนก้าวข้ามการแทรกแซงกิจการภายในชาติสมาชิก ว่าความคิดเห็นของนายธนาธรดังกล่าว อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ของประเทศสมาชิกที่อยู่กันมากว่า 50 ปี แตกแยกกันได้
โดยส่วนตัวแล้วมองว่านายดอนเคยทำงานอาเซียนเมื่อปี 2518 ถึง 2519 ซึ่งในยุคนั้นปัญหาอาเซียนเป็นเรื่องของสงครามเย็น แตกต่างกับบริบทในยุคนี้ การที่นายดอนออกมาแสดงความคิดเห็น พรรคยินดีรับฟัง แต่มองว่าการนำความคิดเห็นในยุคนั้น มาใช้กับอาเซียนยุคปัจจุบัน อาจเป็นเรื่องที่ผิดฝาผิดตัว
บริบทของปัญหาอาเซียนในยุคนี้เป็นเรื่องของปัญหาข้ามพรมแดน สงครามการค้า ปัญหาสิ่งแวดล้อม ขยะทะเล ดังนั้นคงไม่สามารถใช้มุมมองตามแบบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ และในวิสัยทัศน์ของนายธนาธร ต้องการแก้ปัญหาของอาเซียน ไม่อยากเห็นประเทศถูกแช่แข็ง เหมือนอย่างเช่นในอดีต
ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไปร้องเรียนต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ใช้อำนาจไต่สวน สอบสวน และลงโทษตามข้อบังคับ ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ
ส่วนกรณี ช่อ-พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ภาพและข้อความจำนวนมากในเฟสท์บุ๊ก ที่อาจเชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่เหมาะสม นางสาวพรรณิการ์กล่าวว่าส่วนตัวแล้วได้มีการชี้แจงในเรื่องนี้ผ่านทางสื่อและ Social Media ไปแล้วหลายครั้งซึ่งยืนยันว่าพร้อมที่จะให้ตรวจสอบ และหากจะเรียกไปชี้แจง ก็พร้อมจะไป และพร้อมยอมรับการตรวจสอบในเรื่องนี้