พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ที่จังหวัดสงขลา ว่าจะชนะหรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชน ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าการปราศรัยหาเสียงโครงการคนละครึ่ง โดยเครมเป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เหมือนเป็นการลักวิ่งชิงปล้นกลางแดด เพราะเป็นนโยบายรัฐบาลด้วยกัน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ว่า ตนก็บอกว่าเป็นนโยบายของรัฐบาล และพูดว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปบ้าง ไม่ได้บอกว่าเป็นนโยบายของพรรค ยกตัวอย่างเช่น โครงการคนละครึ่ง และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเชื่อว่าการปราศรัยโต้กันไปมาจะไม่ทำให้เกิดปัญหาระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ขอผู้สื่อข่าวอย่าถามเรื่องนี้
ส่วนกรณีพรรคก้าวไกลไปร้อง กกต.สงขลา ว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค กล่าวบนเวทีปราศรัยสัญญาว่าจะให้ เรื่องนี้แล้วแต่ กกต. แต่ส่วนตัวไม่กังวล ทั้งนี้จะเตือนให้ระวังหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เห็นว่าไม่ได้ว่าอะไร เพราะเป็นการพูดถึงเรื่องคนรวยคนจน ไม่ได้สัญญาอะไร และเรื่องนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายพรรคดูแล้วว่าไม่มีอะไร แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับ กกต.
เมื่อถามย้ำว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้แสดงท่าทางเหมือนควักเงิน ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ จนนำไปสู่การถูกร้อง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ให้ไปถาม ร.อ.ธรรมนัสเอง ซึ่งการหาเสียงโค้งสุดท้ายก็จะไม่มีการปรับกลยุทธ์อะไร ขึ้นอยู่กับประชาชน และไม่มีหมัดเด็ดในการปราศรัยใหญ่วันพรุ่งนี้ (14 ม.ค.)ที่จังหวัดสงขลา มีแต่หมัดที่ทำงาน ทำงานทั้งวัน
เมื่อถามย้ำว่า เมื่อขึ้นเวทีปราศรัยแล้วมีประชาชนมาฟัง รู้สึกอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกอย่างไร เพราะตนไม่ใช่นักการเมืองโดยกำเนิด และไม่มีเคล็ดลับหรือของขลังในการขึ้นปราศรัย เพราะพูดตามความจริงทุกอย่าง
สำหรับการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่ จะมีการปราศรัยหรือไม่ แล้วแต่พรรคพลังประชารัฐ ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร ยังโต้ นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ที่โพสต์ว่าพรรคพลังประชารัฐ สนับสนุน สิระ เจนจาคะ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เพราะคดีทุจริต ว่า สิระ ไม่ได้สมัครจะสนับสนุนอะไร ภริยาเขาก็ว่าไป ตนสนับสนุนใครก็ได้ที่ไม่มีเรื่องมีราว ซึ่งการจะส่งใครลงสมัครขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค และการหาเสียงโค้งสุดท้ายก็คงไม่ได้กำชับอะไร รวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้มากำชับอะไร เพราะนายกฯ ไม่เกี่ยว เรื่องพรรค เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของตน นายกรัฐมนตรี ก็ทำงานไป