ไม่พบผลการค้นหา
'ไทยศรีวิไลย์' เตรียมชงตั้งกมธ.ศึกษาซ่องถูกกฎหมายนำรายได้เข้ารัฐ-สร้างหลักประกันให้ sex worker ชี้ใช้ประโยชน์ที่ต่างชาติยกไทยเป็น 'ซ่องโสเภณีแห่งเอเชีย' และสยามเมืองยิ้มในเวลาเดียวกันได้

ที่รัฐสภา พรรคไทยศรีวิไลย์ นำโดย มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรค และ ภคอร จันทรคณา รองหัวหน้าพรรค แถลงข่าว เตรียมเสนอญัตติให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญ เพื่อศึกษาการจัดระเบียบเรื่องซ่อง ทั้งอาบอบนวด, คาราโอเกะ, สปา รวมถึงเด็กดริงค์ , โคโยตี้, sex worker และไซด์ไลน์ เพื่อทำให้ถูกกฎหมาย เปลี่ยนส่วยเป็นภาษีนำรายได้เข้ารัฐ 

ภคอร กล่าวว่า ชาวต่างชาติให้สมญาประเทศไทยว่าเป็น "สยามเมืองยิ้ม" และเป็น "ซ่องโสเภณีแห่งเอเชีย" ในเวลาเดียวกัน ดังนั้น นอกจากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ไทยยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อความบันเทิงด้วย แม้ปัจจุบันมีกฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีและกฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ปี 2557

แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมไม่ให้มีอาชีพดังกล่าวได้และการค้าประเวณีต่างๆมีมาตั้งแต่ยุคอยุธยา จึงควรทำเรื่องนี้ให้ถูกกฎหมายเพื่อนำรายได้เข้ารัฐให้ถูกต้อง ปัจจุบันมีผู้ขายบริการทางเพศทั้งเป็นผู้หญิงและ LGBT ไม่น้อยกว่า 5 แสนคน โดยเนื้อหาที่สำคัญจะมีการลดโทษให้กับผู้ประกอบอาชีพบริการทางเพศและจะเพิ่มโทษให้กับเจ้าของสถานประกอบการที่ทำผิดกฎหมายด้วย

มงคลกิตติ์ กล่าวถึงภาระหนี้สินของประเทศและรายได้ของรัฐที่ติดลบปีละประมาณ 8 แสนล้านบาท มีรายจ่าย 3.1 ล้านล้านบาท มีรายได้เพียง 2.3 ล้านล้านบาท ยังไม่รวมเงินกู้ และหนี้ครัวเรือน ซึ่งเชื่อว่าการทำสถานบอลเทอมและค่าบริการหรือซ่องให้ถูกกฎหมาย จะจัดเก็บภาษีได้อย่างน้อยสักประมาณ "แสนล้านต่อปี" จากภาษีบุคคลธรรมดาภาษีนิติบุคคล จึงต้องทำให้ผู้ประกอบอาชีพมีใบประกอบวิชาชีพ โดยประวัติของผู้ค้าบริการ หรือการ "ขึ้นบัญชี" จะเป็นความลับทางราชการ ไม่ถูกเปิดเผย มีเพียงเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่ทราบข้อมูล เพื่อไม่ให้กระทบการใช้ชีวิตประจำวันหรือการสร้างครอบครัวเมื่อบุคคลเลิกอาชีพขายบริการ และกำหนดให้สถานบริการมีมาตรฐานการควบคุมโรคเกณฑ์อายุและมาตรการต่างๆที่ถูกต้อง

มงคลกิตติ์ ยืนยันว่า การทำเรื่องนี้ให้ถูกกฎหมายจะเป็นหลักประกันที่จะเข้าถึงสวัสดิการหรือให้ได้อยู่ในระบบประกันสังคม และเข้าถึงสิทธิและได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ เพราะปัจจุบันรายได้หรือเงินที่ผู้ที่ประกอบอาชีพขายบริการรวมทั้งสถานประกอบการได้ไปเป็นเงินผิดกฎหมายเข้าข่ายกฎหมายฟอกเงิน และเป็นคดีพิเศษเกี่ยวกับเรื่องการค้ามนุษย์ ขณะเดียวกันตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองก็เก็บส่วย และหากผู้ขายบริการถูกข่มขืนทารุณกรรมก็ไม่สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้หรือเมื่อไปแจ้งความอาจถูกข่มขืนซ้ำได้อีกด้วย 

"ตอนนี้มันอยู่ใต้ดินทั้งหมด เพียงแต่ว่าเราจะทำยังไงให้มันถูกต้อง แล้วผู้หญิงแบบนี้จะถูกกดขี่ข่มเหงบอกว่าอาชีพผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐก็จะเข้าไปกดขี่ข่มเหงทุกอย่าง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอย่างเช่นลูกค้าข่มขืน จะไปฟ้องใครได้เพราะเขาประกอบอาชีพขายบริการมันผิดกฎหมาย...ไปฟ้องเสร็จปุ๊บโดนข่มขืนซ้ำ เจ้าหน้าที่รัฐจ้องเรียงคิวต่อ เพราะฉะนั้นมันไม่มีหลักประกันสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญเลยที่จะไปดูแลผู้ที่ประกอบอาชีพดังกล่าว...ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม รายได้เหล่านี้เอาไปเป็น statement ในการซื้อบ้านซื้อรถหรือทำอะไรไม่ได้เลย สิทธิต่างๆก็ไม่มีตามกฎหมายเพราะฉะนั้นต้องทำให้มันถูกต้อง สถานบริการถูกต้อง ผู้ปฏิบัติหน้าที่อาชีพบริการถูกต้อง" มงคลกิตติ์ กล่าว