ไม่พบผลการค้นหา
บอร์ดบีโอไอเพิกถอนการใช้สิทธิชั่วคราว ซิน เคอ หยวน ระหว่างสอบข้อเท็จจริง ย้ำจุดยืนบีโอไอ ส่งเสริมกิจการที่มีความสำคัญต่อการสร้างซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และเกิดประโยชน์ต่อประเทศ

วันนี้ (11 เมษายน 2568) ณ ห้องประชุม ชั้น 20 อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 เขตพญาไท กรุงเทพฯ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ครั้งที่ 3/2568 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เข้าร่วมด้วย ผลประชุมสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้มีหนังสือถึงบีโอไอ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 แจ้งว่า บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายตาม พ.ร.บ. โรงงานอุตสาหกรรมฯ และ พ.ร.บ. มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฯนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ได้มีการพิจารณากรณีดังกล่าวและมีมติให้เพิกถอนการใช้สิทธิประโยชน์เป็นการชั่วคราว โดยไม่กระทบกับสิทธิประโยชน์ที่ได้ใช้ไปแล้ว ของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ซึ่งได้รับการส่งเสริมในกิจการผลิตเหล็กแท่ง (Billet) ตามบัตรส่งเสริมเลขที่ 1235(2)/2556 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 โดยให้มีผลนับแต่วันที่คณะกรรมการมีมติ จนกว่ากระทรวงอุตสาหกรรมจะมีหนังสือแจ้งมายังสำนักงานว่าอนุญาตให้บริษัทกลับมาดำเนินการผลิตได้ และหากกระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการเพิกถอนหนังสือรับรองการประกอบกิจการโรงงานแล้ว สำนักงานจะนำเสนอคณะกรรมการเพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ในระหว่างที่กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานอื่น ๆ ยังตรวจสอบรายละเอียดและดำเนินการตามกฎหมายไม่แล้วเสร็จ

         เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ย้ำว่าที่ผ่านมาบีโอไอไม่ได้นิ่งนอนใจกับกรณีดังกล่าว โดยได้เข้าตรวจสอบโรงงานของบริษัท ซิน เคอ หยวน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริง และได้มีหนังสือแจ้งเตือนให้บริษัทต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในบัตรส่งเสริม รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด จากนั้นได้เร่งนัดประชุมร่วมกันระหว่างบีโอไอและกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีท่านรองนายกฯ พิชัย ชุณหวชิร เป็นประธาน เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 เพื่อพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบ ก่อนจัดประชุมบอร์ดบีโอไอในวันนี้เพื่อดำเนินการในทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างที่กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานต่าง ๆ กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง

    สำหรับประเด็นการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล็ก บีโอไอได้ยกเลิกการส่งเสริมเหล็กเส้นสำหรับงานก่อสร้าง เช่น เหล็กเส้น และเหล็กข้ออ้อย มาตั้งแต่ปี 2543 ส่วนผลิตภัณฑ์เหล็กอื่น ๆ บีโอไอได้เฝ้าระวังและได้หารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อรับมือกับภาวะผลิตภัณฑ์เหล็กล้นตลาด และปัญหาการทุ่มตลาดในอุตสาหกรรมเหล็กแผ่นรีดร้อนและเหล็กก่อสร้าง โดยในปีที่ผ่านมา บอร์ดบีโอไอได้ออกประกาศยกเลิกการส่งเสริมการผลิตเหล็กหลายประเภท เช่น เหล็กแท่ง เหล็กลวด เหล็กแผ่นรีดร้อน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะการแข่งขันอย่างรุนแรง อีกทั้งได้ลดสิทธิประโยชน์เหลือเฉพาะสิทธิที่มิใช่ภาษี (Non-Tax) สำหรับกิจการผลิตเหล็กทรงแบน (เหล็กแผ่นรีดเย็น เหล็กแผ่นไร้สนิมรีดร้อนหรือรีดเย็น เหล็กแผ่นหนา เหล็กแผ่นเคลือบ) และกิจการผลิตเหล็กทรงยาว (เหล็กรูปพรรณ เหล็กเพลา ลวดเหล็ก) เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กไทย และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในประเทศ

      ทั้งนี้ บีโอไอย้ำจุดยืนในการส่งเสริมกิจการที่มีความสำคัญต่อการสร้างซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย กิจการที่มีความสำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเกิดประโยชน์ต่อประเทศในด้านต่าง ๆ เช่น การจ้างงาน การพัฒนาบุคลากรไทย การถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ การวิจัยและพัฒนา การเพิ่มมูลค่าจากวัตถุดิบในประเทศ การส่งออกเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของซัพพลายเชน รวมทั้งการพัฒนาผู้ประกอบการในประเทศ

พิชัย ชุณหวชิรพิชัย ชุณหวชิร