กรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่-จตุจักร หมายเลข 6 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตลาดพร้าว-วังทองหลาง พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือขอความร่วมมือไปยัง มณฑลทหารบก ราบที่ 11 และ เจ้ากรมยุทธโยธาทหารบก เพื่อขอเปิดพื้นที่ให้พรรคการเมืองเข้าไปประชาสัมพันธ์และนำเสนอนโยบายต่อกำลังพล เพื่อประโยชน์ต่อการตัดสินใจในการเลือกตั้งซ่อมที่เกิดขึ้นใน วันที่ 30 ม.ค. นี้
กรุณพล กล่าวว่า ตนเห็นข่าวที่นายกรัฐมนตรีออกมากำชับเหล่าทัพ ให้วางตัวเป็นกลางทางการเมืองและสนับสนุนการเลือกตั้งซ่อมที่จะมีขึ้น ทั้งในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด เลยถือโอกาสนี้ทำหนังสือเพื่อขออนุญาตหน่วยงาน 2 แห่งของกองทัพที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เลือกตั้ง เขต 9 กรุงเทพมหานคร โดยหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากผู้บัญชาการหน่วยงานทั้งสอง
“ผมอยากเห็นค่ายทหารทุกค่ายในประเทศไทยเปิดกว้างเหมือน กองพลพัฒนาที่ 4 ค่ายรัตนพล อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ที่เปิดพื้นที่ให้ทีมงานของพรรคก้าวไกลและผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม เขต 6 จังหวัดสงขลาเข้าไปพูดคุย นำเสนอนโยบายของพรรคได้อย่างเต็มที่และเปิดเผยต่อสาธารณะ หากหน่วยงานทหารเปิดพื้นที่ให้พรรคการเมือง ซึ่งไม่ใช่เพียงแต่พรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่เป็นทุกพรรคการเมืองด้วย จะทำให้ภาพลักษณ์ของทหารต่อการเมืองไทยจะดีขึ้น และเป็นการพิสูจน์เจตนารมณ์ของพลเอกประยุทธ์ ที่บอกว่า ต้องการให้ทหารเป็นการทางการเมืองและสนับสนุนการเลือกตั้งนั้นจริงใจแค่ไหน”
ด้าน เรืออากาศโทธนเดช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตลาดพร้าว-วังทองหลาง กล่าวว่า ตนในฐานะอดีตข้าราชการทหารอากาศ มั่นใจว่านายทหารทุกคนไม่ว่ายศใดล้วนให้ความสนใจทางการเมืองและให้ความสำคัญกับนโยบายของพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ ซึ่งพรรคก้าวไกลมีนโยบายเหล่านี้อย่างชัดเจนมาตลอดตั้งแต่สมัยเป็นอดีตพรรคอนาคตใหม่ การเปิดทางให้พรรคการเมืองเข้าไปนำเสนอนโยบายของตัวเองแก่บุคลากรของกองทัพอย่างเปิดกว้าง จึงเป็นอีกจุดเริ่มต้นที่สำคัญว่าพร้อมปรับตัวเพื่อเป็นกองทัพที่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตยมากแค่ไหน
“อีกประการหนึ่งที่ ผมคิดว่าการเปิดพื้นที่ให้พรรคการเมืองเข้าไปหาเสียงในกองทัพได้ จะเป็นการกอบกู้ศักดิ์ศรีทหารในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา หลังการปราศรัยในค่ายทหารครั้งแรกที่พรรคก้าวไกลได้รับโอกาสในจังหวัดสงขลา ซึ่งถือว่าปรากฏการณ์พิเศษสำหรับผม เพราะป็นก้าวสำคัญที่ทำให้อดีตข้าราชการทหารคนนี้รู้สึกได้ว่ายังมีความหวัง กองทัพยังสามารถปฏิรูปไปสู่กองทัพที่ทันสมัยและเป็นประชาธิปไตยได้ โดยเริ่มต้นจากการรับฟังและเปิดโอกาสให้ชี้แจงความเข้าใจผิดที่มีต่อพวกเรา ผมเชื่อว่าจะมีบุคลากรของกองทัพอีกจำนวนมากเห็นด้วยกับนโยบายปฏิรูปกองทัพ หากได้ฟังความจริงใจของพวกเรา รวมถึงพร้อมมาร่วมกับพรรคก้าวไกลเพื่อเดินหน้าเปลี่ยนแปลงและกอบกู้ศักดิ์ศรีของกองทัพกลับคืนมา คงจะไม่ปล่อยให้คนบางคนเอาไปเกียรติภูมิของพวกเราไปย่ำยีกดขี่ประชาชนและประชาธิปไตยเพื่อรักษาอำนาจและประโยชน์ของตัวเองดังที่ผ่านมาอีกแล้ว”