ไม่ยากด้วยปัจจัย ที่คู่แข่งอย่างพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย ลงสมัครถึง 3 พรรค ฐานเสียงอุดมการณ์เดียวกันลงแข่งพร้อมกัน ย่อมมีโอกาสตัดแต้มกันได้ง่าย

พลังประชารัฐชนะไม่ยากด้วยเพราะ 'กรุงศรีวิไล' รวมทั้ง 'พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ' หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่แต่หน้าเก่า มั่นใจว่า 'พลังประชารัฐ' จะรักษาฐานที่มั่นเดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่ ตั้งแต่ยังไม่เปิดรับสมัคร

ถึงขั้นที่ 'พรรคพลังประชารัฐ' เห็นชัยชนะตั้งแต่โชว์ตัวเคาะส่ง 'กรุงศรีวิไล' ลงแก้มือ หลังถูกคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2563 ให้ใบเหลือง กรุงศรีวิไล จากข้อกล่าวหาให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวนเป็นเงินได้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ กรุงศรีวิไล เหตุคนใกล้ชิดไปมอบพวงหรีดและเงินใส่ซองช่วยงานศพ 1,000 บาท ต่อประชาชนในพื้นที่

ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค. 2563 จึงจบลงแบบง่ายดาย

ด้วยบทสรุปที่ 'กรุงศรีวิไล' ชนะขาดทิ้งห่าง 'สลิลทิพย์ สุขวัฒน์' ผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ด้วยผลคะแนนไม่เป็นทางการได้รับเลือกตั้งกลับคืนสู่สภาฯ 46,767 คะแนน

อันดับ 2 สลิลทิพย์ สุขวัฒน์ จากพรรคเพื่อไทย 21,540 คะแนน อันดับ 3 อิศราวุธ ณ น่าน พรรคก้าวไกล 19,977 คะแนน  

อันดับ 4 มานะ บุญนาค พรรคเสรีรวมไทย 8,905 คะแนน และอันดับบ๊วย วราวุฒิ ทิมเมือง พรรคภราดรภาพ 513 คะแนน

'กรุงศรีวิไล' ชนะทิ้งห่างจาก 'สลิลทิพย์' จำนวน 25,207 คะแนน

ยิ่งถ้าย้อนกลับไปในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562

อันดับ 1 กรุงศรีวิไล สุทินเผือก พรรคพลังประชารัฐ 41,745 คะแนน (ได้รับเลือกตั้ง)

อันดับ 2 สลิลทิพย์ สุขวัฒน์ พรรคเพื่อไทย 33,007 คะแนน

อันดับ 3 ตรัยวรรธน์ อิ่มใจ พรรคอนาคตใหม่ 31,430 คะแนน

มาเทียบกับผลเลือกตั้งครั้งล่าสุด 'กรุงศรีวิไล' ได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้น 5,002 คะแนน

ขณะที่ พรรคเพื่อไทย ฐานเสียงหายไปถึง 11,467 คะแนน ส่วนพรรคก้าวไกล ที่เดิมเป็นพรรคอนาคตใหม่ ก็คะแนนลดหายอย่างน่าตกใจ 11,453 คะแนน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล เป็นฐานเสียงที่ไม่เอารัฐบาล ซึ่งเป็นฐานเสียงที่ซ้อนกัน 

จ.สมุทรปราการ ที่เคยเป็นฐานเสียงหลักของ 'พรรคเพื่อไทย' มาแต่เดิม ต้องถูกโค่นลงด้วยพลังของ 'พรรคของลุง' เมื่อปี 2562

มีเพียง 'พรรคอนาคตใหม่' เพียงพรรคเดียวที่ เจาะฐานที่มั่น 'ปากน้ำ' ไปได้เพียง 1 เขต นอกนั้น 'พรรคลุง' ที่อาศัยบารมีตระกูล 'อัศวเหม' กวาด ส.ส.เรียบเกือบยกจังหวัด

พรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล รู้ผลเลือกตั้งซ่อมไม่เป็นทางการ จึงต้องยอมรับผลแห่งความพ่ายแพ้ในเบื้องต้น

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงหลังทราบผลเลือกตั้งไม่เป็นทางการ โดยย้ำถึงปัญหาข้อพิรุธต่างๆที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายหีบบัตร และหีบบัตรที่ไม่มีสายรัด การนำป้ายผู้สมัคร ส.ส.ไปวางหน้าคูหาเลือกตั้ง การเก็บบัตรประชาชน พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการร้องเรียนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อไป

"ผมโดนกระทำอยู่คนเดียว กระทำถึงหัวหน้าพรรค อย่างโน้นอย่างนี้ นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างโน้นอย่างนี้ แต่ผมเองไม่เคยพูดสักคำเดียวว่าพรรคโน้นพรรคนี้ทำอะไร ถือว่าคนที่ด่าผมผมยิ่งชนะ คนยิ่งสงสารผม ผมคิดอย่างนั้นวันนี้ถ้าประสบความสำเร็จ และชนะในครั้งนี้ก็ไม่มีอะไรจะตอบแทนพี่น้องประชาชนยกเว้นสิ่งนี้" กรุงศรีวิไล ระบุระหว่างแถลงประกาศชัยชนะพร้อมทั้งยกมือไหว้ขอบคุณทุกคะแนนเสียง

ยิ่งมองไปที่ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 103,194 คน หรือ 58.2% จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีจำนวน 177,308 คน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของการเลือกตั้งซ่อมที่ประชาชนจะออกมาใช้สิทธิน้อยไม่คึกคักเท่ากับการเลือกตั้งใหญ่

เท่ากับว่า การเลือกตั้งซ่อม 6 ครั้งที่เกิดขึ้นนับแต่วันที่ 24 มี.ค. 2562 พรรคฝ่ายค้านได้รับชัยชนะแค่ครั้งแรกเพียงครั้งเดียวที่ จ.เชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 8 เมื่อครั้งที่ 'ศรีนวล บุญลือ' ขณะสังกัดพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันอยู่ พรรคภูมิใจไทย ชนะเลือกตั้ง 

ส่วน 5 ครั้งหลังสุดไล่ตั้งแต่ จ.นครปฐม เขตเลือกตั้งที่ 5 จ.ขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 7 จ.กำแพงเพชร เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.ลำปาง เขตเลือกตั้งที่ 4 และล่าสุด จ.สมุทรปราการ เขตเลือกตั้งที่ 5 ปรากฏว่า พรรคร่วมรัฐบาลกวาดเรียบยกชุด ไม่มีสอบตก แถมได้เสียง ส.ส.ในสภาฯ เพิ่มโดยไม่ต้องลงแรงดูด ส.ส.

แต่ฝ่ายค้านกลับพ่ายแพ้ แพ้ทางรัฐบาลมาตลอดใน 5 ครั้งหลังสุด ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ครั้งที่ 6 ยังถือเป็นครั้งแรกที่พรรคพลังประชารัฐมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นหัวหน้าพรรคด้วย

และศึกเลือกตั้งซ่อมปากน้ำ เขตเลือกตั้งที่ 5 ยังเป็นผลงานชิ้นแรกการคว้าชัยเลือกตั้งสนามแรกภายใต้การนำของ 'พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ' รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมพรรคให้ขึ้นเป็นประมุขพรรคเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2563 

เมื่อ 'ลุงป้อม' ไม่ต้องออกตัวแรง ไม่ต้องลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้กับลูกพรรค แถมยังได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้นจากปี 2562 แม้ว่าจะถูกข้อครหาถึงการใช้อำนาจรัฐในศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ก็ตาม

ผลการเลือกตั้งล้างตาของ 'พลังประชารัฐ' รอบนี้ ยังทำให้เสียง ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรของซีกพรรคร่วมรัฐบาลก็มียอดเพิ่มขึ้นเป็น 277 เสียง ส่วนพรรคพลังประชารัฐก็มี ส.ส.ในสภา รวมเบ็ดเสร็จ 121 เสียง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ผลไม่ทางการ 'กรุงศรีวิไล' ชนะศึกเลือกตั้งปากน้ำเขต 5 - อดีตดาราลั่นเล่นหนัง 50 ปีไม่เคยทำผิด
• พท. ปูดเลือกตั้งซ่อมปากน้ำ บางพรรคจ่ายเงิน - เก็บบัตรประชาชนสกัดผู้ใช้สิทธิไปเลือกตั้ง
• 'ก้าวไกล' แถลงรับพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งซ่อมปากน้ำ ยันเดินหน้าปักธงความคิด-การเมืองเสมอภาค
• อภินิหารคะแนนงอก 1 เท่า พปชร. นอนมา! คว้าชัยเลือกตั้งซ่อม ลำปาง เขต 4