เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่กับ ผลงานละครครึ่งปีหลัง ของช่อง3 ในงาน ‘เปิดวิกบิ๊ก3 THE NEW E.R.A’ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนยุค การพลิกโฉมครั้งใหญ่ของงานบันเทิงครบรูปแบบ โดยเปิดตัวละครหลากรสถึง 13 เรื่อง พร้อมการแสดงวิสัยทัศน์ อนาคตของช่อง 3 ของ อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด(มหาชน) อย่างเป็นทางการ ต่อหน้าเอเจนซี่ และสื่อมวลชน เป็นครั้งแรก หลังเข้ามารับตำแหน่งในช่วงเวลา 1 เดือนครึ่ง กับความหวังที่จะพลิกฟื้นช่อง 3 ที่ประสบปัญหาขาดทุนให้กลับมา

• อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด(มหาชน)

อริยะ พนมยงค์ กล่าวว่า วันนี้ผมอยู่ช่อง3 มา 1 เดือนครึ่งแล้ว ผมเห็นแล้วว่าโอกาสอยู่หน้าเรา ค่อนข้างมั่นใจ ความท้าทายของผมคือ ทำยังไงให้วิ่งเร็วกว่านี้อีก วันนี้เราตั้งชื่อธีมของงานว่า The NEW E.R.A.ของช่อง 3  E คือ Entertainmentความบันเทิง R คือ Resolutionการพลิกโฉม และ A คือ All Starนักแสดงที่ดีที่สุด

สำหรับใครที่ทราบประวัติผม ผมเคยอยู่Google มาก่อน หลังจากนั้นผมได้เปิดตัว Youtube ในประเทศไทย หลังจากนั้นผมได้ย้ายมาอยู่ที่ Line ผมก็มี Line tv ด้วย เพราะฉะนั้นธุรกิจเนื้อหา ธุรกิจคอนเทนต์เป็นธุรกิจที่ผมค่อนข้างใกล้ชิดผูกพัน ในสิ่งที่ได้เห็นและเชื่อ คือ ทีวีไม่ได้หายไปไหน เพราะไม่อย่างนั้นผมไม่ได้มาอยู่ที่นี่แน่นอน สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะเล่าให้ฟังก็คือ แน่นอนเราต้องเปลี่ยนแปลง เราต้องทรานฟอร์มตัวเอง แต่จุดที่สำคัญที่สุดคือ ผู้บริโภค ผู้ชมของเรา แน่นอนว่า ในยุคสมัยนี้คนย้ายไปอยู่ช่องทางออนไลน์กันเยอะ ดูบริโภคคอนเทนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ ก็ไม่แปลกใจ ถ้าไปดูที่ข้อมูล 85 – 90% ของเนื้อหาที่บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ มาจากทีวีครับ และนี่คือสิ่งที่ทำให้ผมรู้ว่า เรามีทางที่จะไปได้ วันนี้เราจะเห็นเลยว่า เรามี 2 กลุ่มผุ้บริโภค 73% ของกลุ่มที่ดูเนื้อหาช่อง 3 ผ่านทีวี คือ กลุ่มที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป และแน่นอนในโลกออนไลน์ 71-80% แล้วแต่ว่าแพลตฟอร์มไหน ก็คือ คนที่มีอายุ น้อยกว่า 35 ปี แต่แกนหลักคือ เนื้อหา ที่เรามีอยู่ บริษัทเดิมที่ผมอยู่ เรามีโจทย์ที่ง่ายมากคือ เราต้องจับมือกับช่อง 3 ให้ได้ เพราะช่อง 3 มีคอนเทนต์ มีละคร ที่คนไทยดูกันหมดทั้งประเทศ อันนี้ขาดไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เห็น ในยุคนี้ มันไม่ใช่จะมีแบ่งเป็นโลกออนไลน์ และ ออฟไลน์ แต่มันคือโลกเดียวกัน ดังนั้น กลยุทธ์ที่เราจะเน้น คือ ทำยังไงให้ 2โลกนี้อยู่ด้วยกันได้ บนพื้นฐานของเนื้อหา ที่เราเข้มแข็ง ด้วยวิสัยทัศน์ ของเรา ที่เราวางไว้ก็คือ Entertainment Content Platform 

Resolution กับการพลิกโฉม เมื่อ 1 เดือนที่แล้วเราตัดสินใจที่จะเลือกคืน 2 ช่อง เพราะเราต้องการทุ่มเทให้กับช่องที่แข็งแกร่งที่สุดของเรา คือ ช่อง33 และนี่คือจุดประสงค์ที่ทำไมเราถึงเลือกที่จะคืน2 ช่อง ทำยังไงให้ช่อง 33กลับมาเข้มแข็งเหมือนเดิม นี่คือจุดประสงค์ที่เรามีอยู่อันหนึ่ง สิ่งหนึ่งที่จะเห็นในระยะสั้น คือ วิธีการทำงานของเราด้วย เราจะทำงานใกล้ชิดกับกลุ่มลูกค้า กลุ่มเอเจนซี่ของเราให้มากขึ้น การเปิดตัวละครครึ่งปีหลังที่จะเห็นนี้ เรามีละครอะไรที่เจ๋งๆบ้าง เลือกอันที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของท่าน แล้วเราเริ่มมาคุยตั้งแต่ตอนนี้เลย เราเริ่มวางแผนเลย ในกิจกรรมโฆษณาต่างๆ นี่คือสิ่งที่เราจะเริ่มเปลี่ยนแปลง 

All Star  ถ้าเราดูดารา และนักแสดงในประเทศไทย เรียกว่า อยู่ที่ช่อง3เกือบหมดเลย ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่สำคัญ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ผมเลือกมาอยู่ที่ช่อง3นักแสดง ผู้จัดละคร ระดับประเทศ นี่คือหัวใจของช่อง 3และเป็นสิ่งที่เรามีดี และในอนาคตผมไม่อยากให้นึกถึงช่อง 3เป็นแค่ช่องทีวี อยากให้นึกถึงช่อง3 เป็น 1ช่องทาง ทีวีเป็น 1 ช่องทาง ออนไลน์เป็น 1 ช่องทาง ช่องทางอื่นๆก็เป็��อีก 1ช่องทาง ความแตกต่างก็คือ หน้าจอจะใหญ่หรือจะเล็ก แต่เนื้อหา คือ แกนเดียวกัน 

สำหรับละครที่เปิดตัวทั้ง 13 เรื่อง ในครั้งนี้ ล้วนเป็นนักแสดงระดับแม่เหล็ก ที่มีชื่อเสียง และมีฐานแฟนคลับที่เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็น ร้อยเล่ห์มารยา ที่เป็นการโคจรมาแสดงคู่กันอีกครั้ง ของ โป๊ป ธนวรรธน์ และ เบลล่า ราณี , พยากรณ์ซ่อนรัก ที่นำแสดงโดย เจมส์ จิรายุ และ ไอซ์ ปรีชญา , ลับ ลวง ใจ ที่ได้ เกรท วรินทร มาประกบคู่ เดียร์น่า ฟลีโป ,เพลิงรักเพลิงแค้น กับการประชันฝีมือของนักแสดงเจ้าบทบาท จุ๋ย วรัทยา ศรีริต้า เจนเซ่น บอย ปกรณ์ และ ปั้นจั่น ปรมะ และละครที่หลายคนรอคอยกับการรีเมคซีรีส์เรื่องดังจากเกาหลี ลิขิตรักข้ามดวงดาว ที่ได้ ณเดชน์ คูกิมิยะ มาแสดงคู่ แมท ภีรนีย์ โดยได้เปิดตัวเป็นครั้งแรก ซึ่งละครเรื่องนี้ได้ถ่ายทำเสร็จสิ้นเรียบร้อย พร้อมเป็นละครโกอินเตอร์ ที่เตรียมออกอากาศพร้อมกับประเทศจีน ในช่วงปลายปีนี้

การยึดคอนเทนต์ละคร ที่เป็นหัวใจหลักในการสร้างรายได้ของช่อง3 ในการส่งต่อไปยัง ช่องทางบันเทิงต่างๆ จะสามารถพลิกโฉม ช่อง 3 ให้กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งได้หรือไม่ นับเป็นสิ่งท้าทายของผู้บริหารคนนอก ตระกูลมาลีนนท์ ที่จะมาฝ่าวิกฤติในตลาดสงครามทีวี ที่กำลังล้มหายตายจากไปทีละช่อง