ไม่พบผลการค้นหา
ตามคาด ! รวมไทยสร้างชาติ เลือก 'พีระพันธุ์' นั่งหัวหน้าพรรค ชาวบ้านแห่แสดงความยินดี เมินเสียงวิจารณ์ 'พรรคสำรอง' นายกฯ ลั่นสุดท้ายความจริงจะปรากฎ

วันที่ 3 ส.ค. 2565 ที่สโมสรราชพฤกษ์ เขตหลักสี่ ในการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรครวมไทยสร้างชาติ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนก่อนเข้าร่วมประชุมว่า ในการประชุมหารือวันนี้จะมีการหารือกันเรื่องหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ส่วนแนวทางของพรรคที่มีกระแสข่าวว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั้น ตนเน้นแนวทางการทำงาน ไม่ได้เน้นที่ตัวบุคคล 

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ มองแนวทางการเลือกตั้งในปี 2566 อย่างไร พีระพันธุ์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา และตนก็เป็นนักการเมือง ส่วนเอกณัฐ ก็เป็นนักการเมืองมานาน พร้อมที่จะรับมือการเลือกตั้งอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังตั้งเป้าที่จะได้ ส.ส.เขต มากที่สุด และมั่นใจว่าจะได้ในระดับหนึ่งพอสมควร 

59AB350B-0C57-4DED-90CF-A16F2536ECF1.jpeg

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ได้มีการเข้าไปพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แล้วหรือไม่ พีระพันธุ์ ตอบว่า วันนั้นที่ไปคุยกับนายกฯ เพียงแค่ไปรายงานการทำงานที่ได้มอบหมายเท่านั้น ส่วนพล.อ.ประวิตร แม้จะมีความสนิทสนมแต่ก็ไม่ได้คุย ไม่ได้เจอและไม่ได้เรียนบอกว่าจะมาทำพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะไม่เกี่ยวข้องในการทำงาน 

ส่วนกรณีที่พรรครวมไทยสร้างชาติถูกมองเป็นพรรคอะไหล่ของพรรคพลังประชารัฐนั้น พีระพันธุ์ ให้ความเห็นว่า ไม่ได้มองแบบนั้น ตนเป็นสมาชิกพรรคก็เป็นสมาชิกพรรค ส่วนของพลังประชารัฐก็เรื่องของเขาไม่ได้เกี่ยวข้อง ต่างคนต่างทำงาน และพรรคร่วมไทยสร้างชาตินั้นก็ทำหน้าที่เป็นพรรคที่ดีของประชาชน ประชาชนมุ่งหวังให้ดูแลชาติบ้านเมืองได้ 

ขณะที่ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า จะมีบิ๊กเนมเซอร์ไพรส์หรือไม่ พีระพันธุ์ ตอบว่า สมาชิกพรรคคนอื่นๆ ยังไม่ทราบ และจะมีพรรคอื่นไหลเข้ามาหรือไม่นั้นตนก็ไม่ทราบเช่นกัน ซึ่งก็มีคนทยอยเข้ามาเรื่อยๆ

ส่วนความเห็นที่บอกว่า พรรครวมไทยสร้างชาติคือ เหล้าเก่าในขวดใหม่ พีระพันธุ์ กล่าวว่า แล้วแต่คนจะมอง แต่ตนนั้นใหม่เสมอ ส่วนการเป็นหัวหน้าพรรคและจะเป็นนายกฯ ด้วยหรือไม่นั้น พีระพันธุ์ เสริมอีกว่า ก็ต้องพร้อมอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ แต่การเป็นนักการเมืองมันต้องพร้อมทุกตำแหน่งไม่ว่าฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล 

"การทำพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เน้นตัวบุคคล เน้นแนวทาง หากพรรคไหนมีแนวทางการทำงาน แต่ถึงเวลามารวมกันแล้วจะสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรีมันก็เร็วเกินไป สุดท้ายไม่ได้รู้ว่าอยู่รัฐบาล หรือฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นวันนี้เร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้" พีระพันธุ์ กล่าว 


เลือก 'พีระพันธุ์' นั่งหัวหน้าพรรค

ทั้งนี้ ในการประชุมใหญ่วิสามัญพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยผู้ได้รับการเลือกตั้ง ประกอบด้วย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ เหรัญญิกพรรค และเกรียงยศ สุดลาภา นายทะเบียนพรรค 

พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรคอื่น ประกอบด้วย วิทยา แก้วภราดัย, ดวงฤิทธิ์ เบญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง, ชื่นชอบ คงอุดม, วิสุทธิ์ ธรรมเพชร และเกชา ศักดิ์สมบูรณ์     

พีระพันธุ์ เปิดเผยภายหลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่า วันนี้นับเป็นครั้งแรกของการประชุมพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีเพื่อนพี่น้องร่วมอุดมการณ์เดียวกันที่มีความตั้งใจที่จะเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง และได้มีโอกาสกลับมารวมตัวเพื่อทำงานกันอีกครั้งหนึ่ง โดยได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค กำหนดเป้าหมาย วิสัยทัศน์การทำงานต่างๆ และเลือกให้ตนทำหน้าที่หัวหน้าพรรคเพื่อเดินหน้างานด้านการเมืองต่อไป

LINE_ALBUM_220803_25.jpg

พีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคที่ได้รวบรวมกลุ่มคนทำงาน ที่มีความรู้ความสามารถ ทั้งคนที่มีประสบการณ์ในการเป็น ส.ส.ทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนมาแล้ว ผู้ที่เคยเป็น ส.ส. และคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจจะเข้ามาทำงานในฐานะนักการเมือง เพื่อขับเคลื่อนประเทศชาติตามวิสัยทัศน์หลักของพรรค คือการสร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีโอกาสในการดำรงชีวิตในทุกมิติอย่างเท่าเทียมกัน 

โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นพรรคการเมืองที่มุ่งเรื่องของการทำงานมากกว่าการเล่นการเมือง ซึ่งตนได้บอกกับทุกคนว่า อยากให้มองเห็นเรื่องของการทำงานเพื่อประเทศชาติประชาชนเป็นสำคัญ เพราะผลงานที่ทุกคนทำจะทำให้ได้รับการยอมรับจากประชาชนอย่างแท้จริง

พีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า นโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ เน้นที่เรื่องของการทำงานแบบสู้ทุกปัญหา ประชาชนสามารถพึ่งพาได้ทุกเรื่อง เพื่อที่จะทำให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกันในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรามุ่งมั่นที่จะเข้ามาแก้ไขในเรื่องของการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ หรือเศรษฐกิจ 

ด้วยพื้นฐานจากการที่ตนเคยทำงานด้านกฎหมาย ทั้งในฐานะอดีตผู้พิพากษา ที่ต้องอยู่กับกฎหมายมาตลอดทำให้ตนเห็นว่ามีกฎหมายของไทยจำนวนมากที่ยังไม่เอื้อต่อการทำงานพัฒนาประเทศ บางข้อก็เป็นอุปสรรค หรือยังทำให้เกิดการปิดกั้นโอกาส และเป็นปัญหาขัดแย้งมากมาย 

"ดังนั้นในฐานะของ ส.ส.ที่มีหน้าที่ด้านการออกกฎหมายอยู่แล้ว จึงควรที่จะเข้าไปดูแลเรื่องนี้ และนั่นคือนโยบายแรกที่พรรคเราจะทำ” พีระพันธุ์ กล่าว

พีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาตนได้เคยทำงานมาแล้วทั้งการเป็นผู้พิพากษา รัฐมนตรี และ ส.ส. ซึ่งถือว่าครบทั้งในส่วนของตุลาการ บริหาร และนิติบัญญัติ ทำให้เข้าใจปัญหาและอุปสรรคต่างๆ และตั้งใจที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหา ขจัดเงื่อนไขในข้อกฎหมายต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานพัฒนาประเทศ ซึ่งยังเห็นว่ามีอยู่มาก 

โดยเฉพาะความไม่ละเอียดในเนื้อหาของกฎหมาย หรือความไม่ชัดเจน รวมไปถึงเงื่อนไขที่อาจจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมในสังคมได้ กฎหมายเหมือนกติกาสังคม แต่สังคมไม่ได้เป็นคนเขียน กลายเป็นว่าที่เขียนกฎหมายมาเพื่อให้ทำงานง่าย ไม่ได้เขียนมาในมุมมองว่าประชาชนได้ประโยชน์แค่ไหน ทำให้หลายครั้งกฎหมายมาสร้างความทุกข์ให้กับประชาชน 

ถ้ากฎหมายล้าสมัย ไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน บ้านเมืองก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นเป้าหมายและวิสัยทัศน์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมุ่งเรื่องการทำงานด้านนี้เป็นอันดับแรก เพราะเชื่อว่ากฎหมายจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำงานเพื่อบ้านเมืองได้ หากกฎหมายชัดเจน และไม่เป็นอุปสรรค ประเทศชาติก็จะเดินหน้าไปได้โดยไม่ติดขัด กฎหมายสามารถทำให้สังคมดีขึ้นได้

พีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นพรรคสำรองให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ตนไม่สนใจว่าใครจะพูดอย่างไร เพราะแต่ละคนก็มีชุดความคิดของตัวเองที่แตกต่างกันไปอยู่แล้ว ไม่สามารถห้ามความคิดของใครได้ และไม่จำเป็นที่จะต้องไปปฏิเสธว่าจริงหรือไม่จริง เพราะสุดท้ายความจริงก็จะปรากฏเอง 

"ความตั้งใจของการตั้งพรรคไม่ได้วางไว้ว่าจะมาเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านหรือมาสนับสนุนใคร เพราะสิ่งที่มองไว้คือการทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นหลักเท่านั้น คือต้องการทำให้สังคมดีขึ้นกว่านี้ โดยไม่มองว่าจะต้องมีตำแหน่งอะไร เพราะเชื่อว่าหากทุกคนตั้งใจมาทำงานเพื่อประชาชนแล้ว ถึงไม่มีตำแหน่งอะไรก็สามารถทำงานได้เช่นกัน" พีระพันธุ์ กล่าว 

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณด้านหน้าห้องประชุมได้มีกลุ่มชาวบ้านจากชุมชน มโนรมย์ จ.ชัยนาท และชุมชนมาลัยแมน จ.นครปฐม นำดอกไม้ ข้าวสาร มะพร้าว และป้ายไวนิลระบุข้อความแสดงความยินดีมามอบให้แก่ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อีกด้วย 

พีระพันธุ์ รวมไทยสร้างชาติ  เสกสกล BE1-77B18811DA21.jpeg


'แรมโบ้' หอบดอกไม้ยินดี

ด้าน เสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย สนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร นำช่อดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดีในวาระการประชุมเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติชุดใหม่ และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนเข้าห้องประชุม 

เสกสกล กล่าวว่า วันนี้ตนไม่ได้มาในฐานะกรรมการบริหารพรรค หรือตัวแทนพรรค เพราะตนได้ลาออกไปแล้ว และมีจุดยืนที่ชัดเจนคือ เมื่อก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติขึ้นมา ขุดหลุมตอม่อ และหมดภารกิจแล้ว ก็ยกหน้าที่ให้ผู้ใหญ่ โดยการอาสาของ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

LINE_ALBUM_220803_13.jpg

ผู้สื่อข่าวถามว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นใคร เสกสกล ตอบว่า ถ้าถามแบบนี้ ต้องถามตอนที่ตนตั้งพรรค แต่ถ้าเป็นตอนนี้คงตอบไม่ได้ คงต้องถามที่หัวหน้าพรรค หรือ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ให้อำนาจของหัวหน้าพรรคเป็นคนชี้แจง 

เสกสกล กล่าวอีกว่า ดีใจที่ตนได้มาในวันนี้ ก็เพราะความปลื้มใจ ที่เห็นพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ปองพล อดิเรกสาร เอกนัฐ พร้อมพันธุ์ และอีกหลายท่าน ได้เอาพรรครวมไทยสร้างชาติมาเดินหน้าต่อ แม้ตนจะมีส่วนร่วมบ้าง ก็ดีใจ ถึงแม้ไม่มีส่วนเดินหน้าทำพรรคต่อไป แต่ความภูมิใจคือได้เห็นพรรคนี้ขับเคลื่อนป็นสถาบันที่พึ่งที่พาของพี่น้องประชาชนที่มั่นคงในอนาคต 

เมื่อถามว่าทิศทางการเมืองของ เสกสกล จะเป็นอย่างไรต่อไป โดยตอบว่า มี 2 ข้อหลักคือ ไม่ว่าจะทำพรรคไหน พรรคนั้นต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สถาบันฯ ถูกจาบจ้วง และไม่ว่าพรรคไหน จุดยืนที่ชัดเจนคือ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเป็นนายกฯ อีก 1 สมัย 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดถึงไม่กลับไปพรรคพลังประชารัฐ เสกสกล กล่าวว่า เมื่อพยายามจะกลับไปก็ยังถูกกีดกัน มีขบวนการบางคนที่ไม่อยากให้ตนมีบทบาทในพรรค ยุยงหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ให้เกลียด 

เสกสกล กล่าวอีกว่า ได้มีการคุยกับน้องๆ เสื้อแดงที่กลับตัวกลับใจ และเล็งไว้ว่าอาจจะต้องตั้งพรรคการเมืองใหม่ชื่อ 'พรรคเทิดไท' เพื่อต่อสู้กับพวกสามกีบ และยังกล่าวอีกว่า ยอมเป็นหัวหมา ดีกว่าเป็นหางราชสีห์


'เอกนัฏ' ตั้งใจอยากทำพรรคการเมืองที่ทันสมัย

เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ความตั้งใจของตนนั้นอยากทำพรรคการเมืองใหม่ที่ทันสมัย และถูกใจคน ตนเห็นปัญหามากมายที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะประเทศที่ยังประสบปัญหาทางสังคม และเศรษฐกิจ จึงอยากให้คนใน และคนนอกวงการเมืองมาช่วยแก้ปัญหา 

"คิดว่าคนเริ่มเบื่อแล้ว โดยเฉพาะการแจกกล้วยในสภาฯ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำพรรคการเมือง" เอกนัฏ กล่าว 

LINE_ALBUM_220803_27.jpg

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ มีโอกาสจะได้ร่วมงานกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ปรึกษาพรรครวมพลัง หรือไม่ เอกนัฏ กล่าวว่า จริงๆ แยกกันมาตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 แล้ว เพราะตนกลับไปเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งคุยกันในฐานะครอบครัว แต่เรื่องการเมืองแยกกันชัดเจน ซึ่งบ้านตนนั้นเคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน

เอกนัฏ ยังกล่าวอีกว่า พรรครวมไทยสร้างชาติต้อนรับสมาชิกจากทุกพรรค ซึ่งเป็นสิทธิของทุกคนที่จะตัดสินใจ สำหรับตนนั้นปิดกว้างสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะมาจากพรรคใด รวมไทยไม่ใช่รวมพรรค แต่รวมคนจากหลากหลายสาขาอาชีพ วัย และพื้นที่ ส่วนจะมาจากพรรคไหนก็อีกเรื่อง นอกพรรคก็รวมได้