เหตุการณ์ระเบิดพลีชีพ 2 ครั้ง ที่สนามบินฮามิด กาไซ ในกรุงคาบูล ตามมาด้วยเหตุยิงกันในบริเวณดังกล่าว ความคืบหน้ามีรายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 90 ราย จำนวนนี้เป็นพลเรือนอัฟกันอย่างน้อย 60 ราย ที่มีทั้งเด็กและผู้หญิง รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐ 13 รายที่เสียชีวิตเหตุก่อการร้ายดังกล่าว ขณะที่ยอดผู้บาดเจ็บมีไม่น้อย กว่า 150 ราย เนื่องจากจุดระเบิดเกิดขึ้นในบริเวณประตูแอบบี้ ของสนามบินซึ่งเป็นจุดปฏิบัติการที่มีกองกำลังสหรัฐและสหราชอาณาจักรประจำการอยู่ รวมถึงบริเวณดังกล่าวมีชาวอัฟกันจำนวนมากรวมตัวเพื่อพยายามหาทางอพยพออกนอกประเทศ หวังหนีการปกครองของตาลีบัน
พลเอกแฟรงค์ แมคเคนซี ผู้บัญชาการกองบัญชาการภูมิภาคเอเชียกลางและตะวันออกกลาง ระในการแถลงข่าวที่เพนตากอนว่า จากเหตุระเบิดมีเจ้าหน้าที่ทหารอเมริกันเสียชีวิต 12 คน เป็นนาวิกโยธิน 11 คน และแพทย์ของกองทัพเรืออีกหนึ่งคน รวมทั้งมีทหารอเมริกันบาดเจ็บอีก 15 คน และมีการยิงต่อสู้หลังเกิดเหตุระเบิด
เหตุระเบิดครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วงเย็นของวันที่ 26 สิงหาคม ตามเวลาท้องถิ่นกรุงคาบูล ที่บริเวณประตูฝั่งตะวันออกของสนามบิน ขณะที่ระเบิดครั้งที่สองเกิดขึ้นที่โรงแรม Baron บริเวณใกล้เคียงกันทางเข้าสนามบิน
เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังหน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐ และสหราชอาณาจักร ออกคำเตือนถึงความเป็นได้ที่จะเกิดเหตุก่อการร้ายในพื้นที่เปราะบางของกรุงคาบูล ท่ามกลางความโกลาหลของชาติตะวันตกที่ต่างเร่งอพยพพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของตนเอง รวมถึงชาวอัฟกันจำนวนมากที่พยายามหาทางออกนอกประเทศ ก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 31 สิงหาคมนี้
หลังเหตุระเบิด กลุ่มที่เรียกตนเองว่า "ไอซิส-เค" ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้าร่วมกับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้ประกาศผ่านข้อความผ่านแอพลิเคชันเทเลแกรม อ้างว่าเป็นผู้ลงมือ ระบุว่ามือระเบิดฆ่าตัวตายจุดระเบิดที่ติดไว้กับเสื้อกั๊กขณะเข้าไปปะปนอยู่กับชาวอัฟกันและกองกำลังสหรัฐฯใกล้บริเวณสนามบิน
สอดคล้องกับแหล่งข่าวในกลุ่มตาลิบันยืนยันกับวีโอเอว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายคือผู้ก่อเหตุโจมตีครั้งแรกท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่รวมตัวหน้าประตูทางเข้าสนามบิน รวมทั้งผู้หญิงและเด็กหลายคน เหตุการณ์ครั้งล่าสุดนี้นับเป็นเหตุก่อการร้ายนองเลือดที่สุดที่เกิดกับกองกำลังสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานนับตั้งแต่ปี 2554
ทางทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้รับรายงานสรุปเกี่ยวกับเหตุระเบิดครั้งนี้ในวันพฤหัสบดี และได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดในกรุงคาบูล
ทำเนียบขาวเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า จนถึงขณะนี้ได้นำประชาชนออกจากกรุงคาบูลแล้ว 95,700 คนในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นหนึ่งในการอพยพผู้คนทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
หลังเหตุการณ์ระเบิด สถานทูตอเมริกันในกรุงคาบูลมีแถลงการณ์ว่า "พลเมืองสหรัฐฯ ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสนามบินกรุงคาบูล ส่วนผู้ที่ยังชุมนุมอยู่ตามประตูต่างๆ รวมทั้งประตูแอบบีย์ ประตูตะวันออก และประตูเหนือ ให้รีบออกมาจากบริเวณนั้นทันที"
ขณะนี้สถานการณ์ในกรุงคาบูล ยังเป็นที่ไม่น่าไว้วางใจ หลายฝ่ายเกรงว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดเหตุก่อการร้ายอีกครั้งตามมา หลายพื้นที่ของกรุงคาบูลตกอยู่ภายใต้ความโกลาหล สื่อของอัฟกานิสถานต่างเสนอภาพคนเจ็บถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาลเพื่อไปยังโรงพยาบาลต่างๆ