ไม่พบผลการค้นหา
ดัชนีตลาดหุ้นไทยรอดหวุดหวิดศุกร์ 13 ปิดท้ายวันที่ระดับ 1,128.91 จุด บวกร้อยละ 1.26 มูลค่าซื้อขาย 119,659.78 ล้านบาท หลังเปิดตลาดช่วงเช้าไม่ถึง 5 นาที ดัชนีร่วงเกินร้อยละ 10 ต้องพักการซื้อขาย 30 นาที ภาคบ่ายตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศปรับเกณฑ์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้า พยุงตลาดกลับมาปิดบวก

ดัชนีตลาดหุ้นไทยท้ายวัน ปิดตลาดวันที่ 13 มี.ค. 2563 ที่ระดับ 1,128.91 จุด บวก 14.00 จุด หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.26 มูลค่าการซื้อขาย 119,659.78 ล้านบาท หลังผันผวนอย่างหนักตลอดทั้งวัน นับตั้งแต่เปิดตลาดช่วงเช้า ดัชนีปรับลดลงจนแตะระดับร้อยละ 10 หรือลดลง 106.15 จุด มาอยู่ที่ 1,008.76 จุด ทำให้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องใช้ "เซอร์กิต เบรกเกอร์" หรือ หยุดพักการซื้อขาย เป็นเวลา 30 นาที เมื่อเวลา 09.59 น. ก่อนจะกลับมาซื้อขายอีกครั้งในเวลา 10.29 น.

ในช่วงบ่ายดัชนีฯ เคลื่อนไหวในแดนบวกได้ดีขึ้นหลังจากตลาดหลักทรัพย์คุมเข้มชอร์ตเซล โดยทำระดับสูงสุด 1,164.16 จุด และทำระดับต่ำสุด 969.08 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 676 หลักทรัพย์ ลดลง 742 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 378 หลักทรัพย์

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับเกณฑ์ สกัดเก็งกำไรฝั่ง 'ชอร์ต' มีผลบ่าย 13 มี.ค.-30 มิ.ย.63

พร้อมกันนั้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ออกมาตรการดูแลการซื้อขาย โดยปรับปรุงเกณฑ์การขายชอร์ต (Short) เพื่อใช้เป็นการชั่วคราว

จากเดิมที่กำหนดให้สมาชิก หากจะขายชอร์ต (เปิดสัญญาขาย) ได้เฉพาะในราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (last trading price) ปรับเปลี่ยนเป็น "จะขายชอร์ตได้เฉพาะในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายเท่านั้น" โดยมีผลบังคับใช้เป็นการชั่วคราว และเริ่มตั้งแต่การซื้อขายบ่ายวันที่ 13 มี.ค. 2563- 30 มิ.ย. 2563

โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่า มาตรการนี้จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการลงทุนแก่นักลงทุนในภาพรวม

ด้านนานเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด กล่าวว่า การปรับเกณฑ์การซื้อขายสัญญาจะขาย หรือ ชอร์ตเป็นการชั่วคราวของตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นการปรับจากการขาย Short เฉพาะในราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Zero Tick) เป็นการขาย Short ได้เฉพาะที่ราคาสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (Up Tick) หมายความว่า ต้องวาง Short ที่ราคาเสนอขาย หรือ สูงกว่า

อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าว ไม่ได้เป็นการ "ห้ามทำ Short Sell" แต่เป็นการลดความร้อนแรงของการทำ Short Sell เท่านั้น อีกทั้งน้ำหนักของมาตรการถือว่า ค่อนข้างเบา ซึ่งผิดจากความคาดหมาย และอาจทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดีดตัวขึ้นมาแรงจากช่วงเช้า แล้วย่อตัวกลับลงไปในการซื้อขายช่วงบ่าย

สำหรับกลไกแล้ว นอกจาก short sell ยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นการเพิ่มโมเมนตันให้กับตลาด เช่น Block Trade, อนุพันธ์ประเภทต่างๆ , การซื้อขายด้วยมาร์จิ้น เป็นต้น อีกทั้งกลไกที่เหลือยังคงทำงานอยู่และเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นในช่วงต่อไป

ตลาดหุ้นไทย-อินโดนีเซีย รอดหวุดหวิดปิดท้ายวันเป็น 'บวก'

ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในภูมิภาคในวันที่ 13 มี.ค. พบว่า ดัชนีตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,634.00 จุด ลดลง 44.64 จุด หรือติดลบร้อยละ 1.67 ดัชนีตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,344.75 จุด ลดลง 74.68 จุด หรือติดลบร้อยละ 5.26 ดัดัชนีหุ้นเวียดนามปิดที่ 761.78 จุด ลดลง 7.47 จุด หรือติดลบร้อยละ 0.97 ส่วนดัชนีหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,907.57 จุด เพิ่มขึ้น 11.82 จุด หรือบวกร้อยละ 0.24

ด้านสมาคมค้าทองคำเผยมีการปรับราคาทองคำขึ้นและลง 14 ครั้งในวันที่ 13 มี.ค. โดยครั้งแรกปรับลงทันที 750 บาท และปรับลงรวมอีก 400บาท ก่อนปรับเพิ่มขึ้นรวม 500 บาท ทำให้ราคาทองแท่งขายออกอยู่ที่บาท (บาททองคำ) ละ 23,850.00 บาท รับซื้อ 23,750 บาท ส่วนทองรูปพรรณ ขายออก 24,350 บาท รับซื้อ 23,316.08 บาท ส่วนราคาสปอตอยู่ที่ 1,582 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ อัตราแลกเปลี่ยน 31.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาทองคำวันนี้ปรับลดลง 700 บาท หากเทียบกับราคาทองคำในวันที่ 12 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งปรับขึ้นและลงรวม 200 บาท