นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย หรือ ครป.ยื่นหนังสือผ่านนางสาวชลี พร เฮงตระกูล ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ถึง นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการและผู้บริหาร BOI เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายและเปิดเผยข้อมูลการส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการให้สิทธิประโยชน์และการใก้กรรมสิทธิ์ถือครองที่ดินแก่บริษัทต่างชาติ โดยมีเรียกร้องต่อคณะกรรมการ BOI ดังต่อไปนี้
1. ขอให้เปิดเผยข้อมูลการส่งเสริมการลงทุนแก่กลุ่มทุนต่างๆ ทั้งหมดในระบบอิเลคทรอนิกส์ ภายใน 30 วัน ตาม พ.ร.บ.การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการ เพื่อธรรมาภิบาลและการตรวจสอบจากประชาชน โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีในโครงการต่างๆ และได้อนุมัติให้ต่างชาติถือครองที่ดินไปแล้วจำนวนเท่าใด คิดเป็นร้อยละเท่าไหร่ของที่ดินประเทศไทย
2. ขอให้คณะกรรมการ BOI ทบทวนนโยบายการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยเฉพาะการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล การลดหย่อนภาษีเงินได้ร้อยละ 50 และอภิสิทธิ์ต่างๆ ที่เอกชนได้รับ เพราะยิ่งจะสร้างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ แต่ควรการเก็บภาษีทรัพย์สินอัตราก้าวหน้าเหมือนกับประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อคืนส่วนเกินระหว่างทางและเก็บภาษีมรดกอัตราก้าวหน้าคือการคืนส่วนเกินที่ปลายทางให้สังคม
3. ขอให้สำนักงานคณะกรรมการ BOI หยุดการพิจารณาการให้อนุญาตให้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บริษัทต่างชาติเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมและได้รับผลกระทบจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่การจัดทำผังเมืองไม่สอดคล้องกับวิถีชุมชนในพื้นที่และมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง
นายเมธา ระบุว่า จากการติดตามนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งยังไม่มีรูปธรรม ขณะที่เป้าหมายส่งเสริมการลงทุนตามประกาศ BOI ที่ 2/2557 คือการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ไปจนถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มของภาคเกษตรและภาคการผลิตและบริการอื่นๆ รวมทั้งส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมและการลดความเหลื่อมล้ำ แต่การดำเนินการของ BOI กลับสวนทางและยิ่งจะเพิ่มความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี , ลดหย่อนภาษีเงินในเขตส่งเสริมการลงทุนได้ร้อยละ 50 อีก 5 ปี รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ไม่เกี่ยวกับภาษี ทั้ง การอนุญาตต่างชาติถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ และอนุญาตให้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน
เลขาธิการ ครป.มองว่า การให้กรรมสิทธิ์ที่ดินแก่นักลงทุนต่างชาติ เป็นภัยคุกคามความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในรูปแบบใหม่ ผ่านการครอบครองเศรษฐกิจและสงครามการแย่งชิงทรัพยากรภายใน ที่อาจส่งผลร้ายต่อสังคมในระยะยาว นอกจากนี้ การดำเนินการต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจขัดต่อบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ และการเปลี่ยนสีผังเมืองเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มนายทุนซื้อขายที่ดินและกลุ่มอุตสาหกรรมโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด