วันที่ 16 ก.พ. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะแกนนำ 'กลุ่ม 16' หรือ กลุ่ม ส.ส.พรรคการเมืองขนาดเล็ก ร่วมกันแถลงข่าวถึงญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17 - 18 ก.พ. 2565
พิเชษฐในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 16 ระบุว่า ส.ส.ที่เป็นสมาชิกกลุ่มที่เปิดเผยตัวได้เบื้องต้นมี 7 คน และการตั้งกลุ่ม 16 เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลด้วยนั้น เนื่องจากปีนี้เป็นปีสุดท้ายในการบริหารประเทศ จะไม่มีการต่อรองเรื่องผลประโยชน์เด็ดขาด
"แม้ตัวเองจะเป็น ส.ส.สังกัดฝ่ายรัฐบาล ก็ตามซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ว่าอะไรระบุเพียงว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ถือว่าเป็นวิถีทางประชาธิปไตย พร้อมกันนี้นานพิเชษฐ ได้ขอบคุณและแสดงความยินดีกับ 'กลุ่มขนส่ง' ที่ทำให้รัฐบาลปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลแล้ว" พิเชษฐกล่าว
มงคลกิตติ์ในฐานะผู้ประสานงานกลุ่ม ซึ่งจะทำหน้าที่ในการอภิปรายใน 8 ประเด็น โดยเชื่อว่า เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน บางประเด็นจะยื่นเรื่องถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ต่อไปด้วย โดยระบุถึงการได้มอบหมายเวลาอภิปรายจากผู้นำฝ่ายค้านไม่เกิน 30 นาที ในบางประเด็นจะต้องอภิปรายนอกสภาและบางเนื้อหาจะเก็บไว้สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติต่อไป
มงคลกิตติ์กล่าวอีกว่า มีประเด็นที่ตัวเองจะอภิปรายทั้งเรื่อง ขบวนการทำให้ราคาหมูแพง ว่า
(1) มีการปกปิดข้อมูลเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับนายทุนหรือนักการเมืองหรือไม่ เพราะเจ้าของปศุสัตว์รายใหญ่หรือ 'เจ้าใหญ่' เป็นผู้กำหนดราคาสุกร
(2) เรื่องการด้อยประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดินเกี่ยวกับราคาน้ำมัน
(3) เรื่องสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคม ที่บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ได้รับมอบสิทธิในการบริหารจัดการทรัพย์สินหนังชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
(4) เรื่องที่รัฐบาลไทยอนุมัติประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำ ให้กับบริษัท คิงส์เกต ฯ อีก 4 แปลง ซึ่งหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านมอบหมายให้พรรคเพื่อไทยอภิปรายและตัวเองก็จะนั่งฟัง
(5) เป็นเรื่องที่รัฐบาลเตรียมต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปอีก 8 ปี เข้าข่ายจะผิดกฎหมายเกี่ยวกับการร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชนเกี่ยวข้องกับการฮั้ว ซึ่งนอกจากอภิปรายโดยไม่ลงมติแล้ว หาก ครม.อนุมัติ มงคลกิตติ์ ก็พร้อมจะดำเนินคดีทันที่
(6) เรื่องการอาจจะเอื้อประโยชน์ให้ร้านค้าปลีกของผู้ค้ารายใหญ่ ที่กำหนดให้ต้องมีมาตรฐานอุตสาหกรรมหรือ มอก.โดยกระทรวงอุตสาหกรรม แม้เป็นเรื่องดี แต่อาจมีลับลมคมในซึ่งเกรงว่าจะเป็นการเอาเปรียบผู้ค้ารายเล็กและร้านค้าขนาดกลาง
(7) กรณีกระทรวงแรงงานร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดศูนย์พิจารณาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร อนุญาตให้ทำงาน และออกเอกสารรับรองบุคคล (Certificate of Identity หรือ CI ) นั้นมีการปล่อยปละละเลยหรือไม่เพราะมีข้อมูลว่า มีนายหน้าชาวเมียนมาร์เรียกเก็บค่าหัวคิวในการต่อใบอนุญาตทำงาน ซึ่งเรื่องนี้ต้องตรวจสอบ
ส่วนเรื่องที่ (8) คือ การจัดซื้อจัดจ้างวิทยุสื่อสารของกระทรวงมหาดไทย วงเงิน 4,300 กว่าล้าน จากที่ส่งทีมงานลงพื้นที่พบว่ายังไม่ได้รับมอบ จึงจะเก็บประเด็นนี้ไว้อภิปรายในครั้งหน้า
"ฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยว่า ขอให้นั่งฟังการอภิปรายด้วยความตั้งใจ ในช่วงที่ตัวเองอภิปราย อย่าลุกไปฉี่หรือกินข้าว และให้คุยกับที่ปรึกษา หรือ เสธฯให้ดีหากคิดจะดึง ส.ส.ในสภาด้วยการแจกกล้วย ระวังถูกหลอกเอากล้วยจนหมดตัว ให้ระวังจะหมดตัวตอนแก่" มงคลกิตติ์กล่าว