ย้อนไปเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2558 คดีใหญ่ที่ผู้คนต้องจดจำภาพคือ 'ศพชาวโรฮิงญา' อย่างน้อย 30 ราย ถูกพบบริเวณเนินเขาติดชายแดนไทยมาเลเซียใน อ.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา โดยสภาพพื้นที่ดังกล่าวคือที่พักชั่วคราวก่อนถูกส่งไปยังประเทศที่สาม 

จากการสอบสวนพบขบวนการดังกล่าว พบว่าเครือข่ายค้ามนุษย์มีความเชื่อมโยงผู้มีอำนาจและผู้อิทธิพล ในหน่วยงานข้าราชการ ตำรวจ ทหาร นักการเมือง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยเหลือสนับสนุนเรียกรับผลประโยชน์

โดยคดีนี้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แถลงเรียกร้องให้ทางการไทยทำการสอบสวนอย่างรวดเร็ว โปร่งใส และเชื่อถือได้ และองค์กรนานาชาติ อย่าง สหประชาชาติ (ยูเอ็น) และองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอเอ็มโอ) ต่างให้ความสนใจ เนื่องจากขณะนั้นไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องการจัดลำดับการค้ามนุษย์ที่ไทยอยู่ในอันดับกลุ่มเทียร์ 3

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. สั่งการให้ฝ่ายปกครองทุกพื้นที่เข้าไปติดตามตรวจสอบทุกตารางนิ้ว หากปล่อยปละให้มีสถานกักกัน กุมขัง เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ หรือสนับสนุนให้ที่พักพิงแก่ขบวนการค้ามนุษย์ ฝ่ายปกครองจะต้องรับผิดชอบ ขณะที่พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สมัยนั้น ได้ลงนามตามคำสั่งให้ย้าย ตร.ในพื้นที่หลายนาย 

หลังกระบวนการสอบสวนผ่านไปราวหนึ่งเดือน หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจค้นบ้านผู้ต้องหาค้ามนุษย์ อ.เมืองระนอง เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2558 พบบัญชีและหลักฐานการเงินเชื่อมโยงถึง พล.ท.มนัส คงแป้น มีการตรวจสอบธุรกรรมการเงินกับธนาคาร พบมีเงินโอนเข้าบัญชี 14 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับพล.ท.มนัส ตามหมายศาลจังหวัดนาทวีที่ 258/2558 วันที่ 31 พ.ค.2558 โดยตั้งข้อหาว่ากระทำความผิดฐานสมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป กระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ 

ต่อมาเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2558 พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา เดินทางมาพร้อมด้วยนายทหารพระธรรมนูญ เพื่อเข้ามอบตัวกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง โดย พล.ท.มนัส ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

'ถึงคราวพิพากษา'

19 ก.ค. 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ต่อกรณีศาลอาญาเตรียมตัดสินชี้ชะตา พล.ท.มนัส คงแป้น ว่า  "ถ้าศาลตัดสินอย่างไรก็ตามนั้น ถูกก็คือถูก ผิดก็คือผิด กรณีของพล.ท.มนัส เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น มีคนอยู่ในกระบวนการจำนวนมาก

"ไม่ใช่แค่ไอ้มนัสเพียงคนเดียว ผมไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องกระพี้แบบนี้ คนเดียวหรือแค่ 2-3 คน ต้องไปดูว่าทั้งระบบเป็นอย่างไร การทุจริต การเรียกรับผลประโยชน์ การค้ามนุษย์มีกี่พวก สื่อก็คอยแต่จะตีว่าผู้กระทำความผิดเป็นทหาร อย่าลืมว่าทหารทั้งประเทศมีถึง 4-5 แสนคน ไอ้มนัสเป็นเพียงคนเดียว มันจะทำให้เจ๊งทั้งหมด กองทัพเจ๊งทั้งระบบหรืออย่างไร"

โดยในวันเดียวกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ซึ่งมีจำเลยทั้งหมด 103 คน โดย พล.ท.มนัส คงแป้น เป็นจำเลยที่ 54 ในความผิด 16 ข้อหา ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2546 ภายหลังโอนคดีจากศาลนาทวีมาพิจารณาคดีที่แผนกคดีค้ามนุษย์ของศาลอาญา โดยศาลพิพากษารวมต้องโทษทั้งหมดแล้วเป็น 82 ปี 

สำหรับ พล.ท.มนัส คงแป้นเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 16 เคยเป็นผู้บังคับการจังหวัดทหารบกชุมพร และผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก