ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า ปัญหาสลากเกินราคา สนง.สลากฯ เริ่มเห็นสัญญาณในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา พบว่าสลากมีราคาสูงกว่า 90 บาทต่อใบ โดยสาเหตุสำคัญเป็นผลมาจากการมีผู้ขายหน้าใหม่เข้ามาในระบบเพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนคน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อผู้ขายสลากเพิ่มขึ้นจึงมีความต้องการสลากนำไปขายต่อประชาชนสูงขึ้น ส่งผลให้มีการหาสลากที่ตลาดขายส่งที่มีราคาขายสูงอยู่แล้ว และพบว่าคนเริ่มไปซื้อสลากที่ไปรษณีย์ ดังนั้นเมื่อเห็นสลากมีราคาสูงคนขายจริงจึงเปลี่ยนสภาพเป็นคนขายช่วงแทนเพื่อหวังกำไรเฉพาะหน้า และนำเงินกำไรไปซื้อรอบสองที่ตลาดขายส่งยิ่งทำให้สลากแพงขึ้น
อย่างไรก็ตามยืนยันว่า สนง.สลาก ได้รับทราบในประเด็นนี้มาตลอด ซึ่งคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (บอร์ดสลาก) จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนในวันที่ 23 ก.ย. นี้ เบื้องต้นจะมีการพิจารณาการทบทวนการลงทะเบียนผู้ขายสลากใหม่ทั้งระบบ ทั้งในส่วนระบบโควตาและระบบทั่วไป โดย คณะกรรมการบริหารจัดการสลากจะสรุปอีกครั้งก่อนเสนอบอร์ดพิจารณาต่อไป
“การพิมพ์สลากเพิ่มไม่ใช่ประเด็นที่ถูกต้อง น่าจะดำเนินการตัดตอนคนที่ขายช่วง รวมถึงแนะนำให้มีการลงทะเบียนใหม่ เนื่องจากลงทะเบียนตั้งแต่ปี 2557 โดย สนง.สลากฯ เห็นว่าน่าจะสมดุลแล้วไม่ต้องมีคนขายเพิ่ม แต่เมื่อทุกฝ่ายเห็นตรงกันในการลงทะเบียนใหม่ จะรับไว้พิจารณาและนำเสนอบอร์ด” ดร.ธนวรรธน์ กล่าว
ส่วนประเด็นเรื่องการขอให้เพิ่มการจัดพิมพ์สลากเพิ่ม สนง.สลากฯ พบว่า ความต้องการขายน่าจะเกิน 100 ล้านฉบับจริง แต่ความต้องการซื้อไม่ได้เพิ่มเกิน 100 ล้านฉบับ ดังนั้นจึงเห็นว่าจะไม่เพิ่มการพิมพ์สลากเกินจากปัจจุบัน เพราะไม่มีเหตุที่จะเพิ่มได้ อย่างไรก็ตามในส่วนของข้อเสนอนี้จะนำไปพิจารณาอีกครั้ง
ขณะที่ 11 ก.ย. 2563 สนง.สลาก ได้มีการเปิดเวทีเสวนา “การปรับโครงสร้างการกระจายสลาก รวมถึงการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา” เพื่อเปิดรับฟังความเห็นของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นผู้ค้าที่อยู่ในระบบโควตา ผู้ค้ารายย่อย รวมถึงคนขายที่ไม่ได้โควตา หรือไม่ได้รับการจัดสรรสลาก ภาคประชาสังคม ภาควิชาการ รวมถึงสื่อมวลชน ได้ร่วมเสนอทางออกในการแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา เช่น บางกลุ่มเห็นว่าควรเพิ่มสลากให้ตรงตามความต้องการของผู้ขาย ควรลดราคาสลาก ลดเหลือราคาฉบับละ 40 บาท หรือ 20 บาท ให้รายย่อยอยู่ได้ เพราะการขายเปลี่ยนมือจะถูกกำจัดออกไป บางกลุ่มเห็นว่าไม่ควรเพิ่ม ยิ่งมีสลากเพิ่ม ยิ่งรวมชุดง่ายขึ้น ผู้เสียประโยชน์คือผู้จำหน่ายรายย่อย
นอกจากนี้ เสนอแนวทางป้องกันการเปลี่ยนมือ โดยมีการลงทะเบียนที่ปลายทาง ให้แสดงบัตร ตัวแทนและจุดขาย ควรทำประกันกลุ่มให้ผู้จำหน่าย ส่วนการจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ขอให้ดูแลผู้ค้าเดิม คือสลากใบ และรองรับคนรุ่นใหม่ ซื้อผ่านมือถือ ควรมีระบบการสะสมเงินให้กับผู้ซื้อ ครั้งละ 2-3 บาท เหมือนการสะสมเงินออมให้กับผู้ซื้อ เหมือนกองทุนการออม ให้ยกเลิกการจับกุมผู้จำหน่าย เนื่องจากสลาก 5 เล่มไม่พอขาย จำเป็นต้องซื้อมาเพิ่ม
ขณะที่ สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ระบุว่าได้รับสลากรายละ 5 เล่มตั้งแต่ปี 2538 ไม่เพียงพอ จึงขอสลากเพิ่มให้คนขายจริง ควรเพิ่มเป็น 10 เล่ม หรือตามความสามารถในการจำหน่าย และไม่ว่าจะพิมพ์สลากเพิ่ม หรือเป็นระบบออนไลน์ ให้คำนึงการเป็นไปตาม พรบ.สลากฯ ฉบับแก้ไขใหม่ด้วย ข้อที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงของผู้พิการ ส่วนกลุ่มสลาก 5 ภาค เสนอว่าควรพิมพ์สลาก 2-2-1 ทั้งหมด มีการจัดจุดนำหน่าย 80 บาท และให้สลากจำหน่ายเพียงพอต่อการดำรงชีพ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: