ไม่พบผลการค้นหา
ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ยกข่าวคนฆ่าตัวตายจากพิษเศรษฐกิจกระทุ้งถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลล้มเหลว ชี้นายกฯ ส่อเป็นฆาตกรทางเศรษฐกิจ ทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศ ย้ำลดความเหลื่อมล้ำด้วยการทำเจ๊งอย่างเสมอภาค

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า ข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2562 พบศพผู้เสียชีวิต ญาติบอกเศรษฐกิจไม่ดี เครียด จบปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย ส่วนวันที่ 8 ม.ค. 2563 สองแม่ลูกดมควันฆ่าตัวตาย เพราะธุรกิจโดนโกง ตนไม่ได้ต้องการจะอ้างการฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้นกว่า 4,000 รายปี 2562 เป็นเรื่องเศรษฐกิจทั้งหมด 

"วันนี้เราเห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ฆ่าตัวตายจากเศรษฐกิจวันต่อวัน ผมไม่อยากกล่าวหาจนเกินไป แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำลังเป็นฆาตกร เป็นฆาตกรทางเศรษฐกิจ ฆ่าความหวังของพี่น้องประชาชน ท่านทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ทำลายความหวังของคนที่หาเช้ากินค่ำ วันนี้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจผิดทิศผิดทาง" นายจุลพันธ์ ระบุ

นายจุลพันธ์ ระบุว่า ถ้าปล่อยให้นายกฯ บริหารต่อไปเราคงสร้างดัชนีชี้วัดใหม่ของโลก ดูอัตราการฆ่าตัวตายจากปัญหาเศรษฐกิจ ตนชี้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นได้เกิดมาตั้งแต่รัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ปัญหาเศรษฐกิจไทยที่เกิดขึ้น เพราะการบริหารงานเศรษฐกิจผิดพลาดบกพร่องอย่างไม่น่าให้อภัย ประเทศไทยไม่มีความหวังออกจากวังวนนี้ได้เลย ทั้งนี้ความเสียหายของประเทศไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาท

"สิ่งที่ควรทำไม่ยอมทำจนเศรษฐกิจพังพินาศ คือค่าเงิน แม้ค่าเงินบาทจะคลายตัวจากวิกฤตไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ แต่ปี 2562 ประเทศไทยแข็งค่ากับดอลลาร์สหรัฐฯ มากที่สุดในโลก หากเงินบาทจะแข็งค่าบางช่วงบางตอน อาจจะโทษว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ผลกระทบบาทแข็ง ความเสียหายที่เกิดขึ้นท่านลดความเหลื่อมล้ำได้ดีที่สุดคือการทำให้เจ๊งเสมอภาคหมด"

จุลพันธ์  อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภา  00224_0034.jpg

ซัดแก้เหลื่อมล้ำ แต่ทำเจ๊งอย่างเสมอภาค

นายจุลพันธ์ ระบุว่า ทุกวันนี้สถานการณ์เศรษฐกิจภายใต้การนำของรัฐบาลชุดนี้มีปัญหามาก คนจนวันนี้ไม่ใช่แค่หมุนเงินเดือนชนเดือน แต่เป็นการหมุนเงิน วันชนวัน เมื่อเจอหน้ากันก็ถามถึงแต่เงินกู้นอกระบบ การทำนโยบายให้เป็นชื่อพรรคคือ นโยบายประชารัฐ บอกว่าเศรษฐกิจจะกลับมาแข็งแกร่ง แต่วันนี้พิสูจน์ชัดแล้วว่าเอกชนที่ให้สัมปทานขนาดใหญ่ เขาก็ขนการลงทุนไปต่างประเทศกันหมด เพราะเขาไม่เชื่อมั่นรัฐบาลแล้ว ขณะนี้การนำเข้ามีมาก แต่การส่งออกกลับน้อยลง นักลงทุนไม่เอาเงินมาสร้างการลงทุน กำลังการผลิตของไทย วันนี้มีปัญหา ตัวเลขการส่งออกติดลบแน่นอน 

สำหรับงบประมาณ 2563 ในวงเงิน 3.2 ล้านล้านบาทที่เพิ่งการพิจารณาจากที่ประชุมสภาฯไปถึง 2รอบ โดยที่ฝ่ายค้านไม่ท้วงติงไม่ขัดขวาง เพราะพวกเรากลั้นใจให้ผ่านไป แต่เรารู้ว่านี่คือกลไกเพียงขาเดียวที่หลงเหลืออยู่ของประเทศ ไม่เช่นนั่นจะทำให้เศรษฐกิจถดถอย งบประมาณที่จัดสรรไม่มีประสิทธิภาพ สิ่งต่างๆเหล่านี้กลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจทุกขามีปัญหาหมด

ประยุทธ์-ทักษิณ

(พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม หยิบเอกสารที่มีชื่อของอดีตนายกฯ คนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นข้อมูลที่ไว้ใช้ในการตอบโต้ฝ่ายค้านระหว่างอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีเป็นบุคคล)

ชี้ไทยเป็นประเทศเดียวที่ยึดอำนาจ ทำไทยแพ้เวียดนามด้านการส่งออก

"พล.อ.ประยุทธ์ เคยดีใจอัตราเงินเฟ้อต่ำ ผลงานรัฐบาล ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกับดักสภาพคล่อง คือ สภาพที่เงินล้นตลาดไม่มีที่ใช้ และไม่รู้จะใช้ที่ไหน คนรวยจะกู้เงินธนาคารก็ไม่กล้าจะลงทุน เพราะผลิตสินค้ามาแล้วขายไม่ได้ คนไม่ซื้อ จะส่งออกค่าเงินแข็ง ก็ไม่ลงทุน ขณะที่คนจนไปธนาคาร เงินไม่มีธนาคารก็ไม่ให้กู้ ทำให้เงินคาอยู่ในระบบธนาคาร ภาวะการณ์เศรษฐกิจก็ซึม การที่คนไม่ซื้อของเพราะว่าไม่มีความมั่นคงรายได้ในปัจจุบันและอนาคต นายกฯเคยพูดงานหนึ่งขอให้ลงทุนในประเทศเพิ่ม นักธุรกิจรักชาติช่วยลงทุนในประเทศ เราเดินลุงตู่มา 5 ปีแล้ว แต่ทิศทางที่เดินมามันพูดวันนี้เจ้าสัวที่อุ้มด้วยการให้เมกะโปรเจกต์ เขาเอาเงินลงทุน 1.6 ล้านล้านบาทไปลงทุนต่างประเทศ วันนี้ความเสียหายเศรษฐกิจลามทุกส่วนสังคม รายรับคนในชาติตกต่ำ"

นายจุลพันธ์ ระบุว่า ในอดีตประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย ล้อมรอบด้วยประเทศที่มีภาวะการเมืองไม่เป็นที่ประสงค์ เงินมาไหลเข้าอาเซียนที่ประเทศไทยหมด แต่วันนี้หลังรัฐประหาร วันนี้ได้รัฐบาลน่ารังเกียจของประชาคมโลก เขาบอกว่าไทยเป็นประเทศเดียวไม่เป็นประชาธิปไตย เงินมาอาเซียนมากกว่าเดิมแต่ไหลเข้าเพื่อนบ้านตอนนี้เวียดนามส่งออกแซงหน้าไปแล้ว ความไม่เป็นประชาธิปไตยทำให้เจรจาต่างประเทศเสียหายไปกว่า 500 กว่ารายการสำหรับจีเอสพี ทั้งหมดนี้กระทบการจ้างงาน วันนี้อยู่ในภาวะน่าวิตกที่สุดเพราะลามไปถึงทักษะแรงงานที่มีฝีมือ วันนี้ ปวช. ปวส. จบมาตกงานสุด มหาวิทยาลัยก็ปิดตัวกัน เดี๋ยวนี้จีนมากว้านซื้อมหาวิทยาลัย 

 จุลพันธ์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ สภา l224_0036.jpg

ไล่นายกฯ รับผิดชอบลาออกรับผิดชอบทำเศรษฐกิจล้มเหลว

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจต่างๆ ลดกำลังการผลิต โรงงานเริ่มปิดตัว เนื่องจากปริมาณเงินในระบบมีไม่เพียงพอ ปัญหาเศรษกิจตั้งแต่เป็นรัฐบาล คสช.จนถึงวันนี้ ซึมยาว อยู่มา 6 ปีแล้ว วันนี้เราอยู่ในสถานการณ์กบต้ม กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็แย่แล้ว เศรษฐกิจไทยตอนนี้เป็นเหมือนมะเร็ง หากปล่อยให้บริหารต่อไปจะเข้าสู่ขั้นที่ 4 เอาหมอเทวดามาก็ช่วยไม่ได้แล้ว

"ที่ผ่านมา ท่านนั่งบริหารประเทศแล้วมีมาตรการออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ยังไมได้ผล การบริหารงบประมาณแผ่นดินของท่านเป็นไปในลักษณะประสิทธิภาพต่ำ แต่มีการคอร์รัปชันสูง โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาลเผด็จการ ไม่มีการตรวจสอบ"

"เมื่อความเชื่อถือเชื่อมั่นของท่านไม่มีท่านออกมาตรการจับจ่ายใช้สอย ปัญหาเศรษฐกิจอยู่ที่้ พล.อ.ประยุทธ์ กุญแจดอกเดียวไขออกจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ พล.อ.ประยุทธ์ต้องออกไปจากสมการ ก่อนต้องยอมรับความจริงท่านมาจากการสืบทอดอำนาจเผด็จการ ล้มเหลวแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ประเทศ ท่านพิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ประชาชนเสียงเอกฉันท์ต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ เท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ ครับ ท่านเสียสละเพื่อชาติอีกสักครั้ง คืนความสุขตามเพลงเถอะครับ ลาออกเถอะครับ" นายจุลพันธ์ ระบุ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง