ไม่พบผลการค้นหา
“ภูมิใจไทย” ดีใจสังคมมองผลงาน “อนุทิน” ยอดเยี่ยม แจง “ศักดิ์สยาม” แก้ปัญหารถตู้แบบนึกถึงใจเขาใจเรา ไม่บังคับเปลี่ยนรถตู้เป็นไมโครบัส เพราะเข้าใจสภาพเศรษฐกิจ หวั่นเพิ่มภาระค่าครองชีพประชาชน

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ ได้ประเมินผลงานรัฐมนตรีในส่วนของพรรคภูมิใจไทย คือนายอนุทิน ชาญรีกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ว่าเป็นรัฐมนตรียอดเยี่ยม มีผลงานดีหลังจากทำงานมาเกือบครบ 1 ไตรมาส ในแบบ “บิ๊ก เซอร์ไพรส์” ทั้งเรื่องการผลักดันไม่ให้ประชาชนร่วมจ่ายบัตรทอง การแก้ปัญหาลดความแออัดในโรงพยาบาล ด้วยการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในโครงการ “Telemedicine” ซึ่งเป็นการพัฒนาและประยุกต์ใช้งานบริการทางการแพทย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชนบท โดยท่านรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนเข้ามาช่วยงานในส่วนนี้ด้วย

"ดีใจที่สังคมได้มองที่ผลงานของนายอนุทินอย่างแท้จริง แต่งานของรัฐมนตรียังมีอีกหลายส่วนที่กำลังเกิดเป็นรูปธรรม เช่น การผลักดันกัญชาเพื่อการแพทย์ การยกระดับอสม. ซึ่งการทำงานของนายอนุทินนั้น ชี้ให้เห็นว่าท่านรัฐมนตรีเป็นคนตั้งใจทำงานมากคนหนึ่ง เน้นการเข้าถึงประชาชนเพื่อช่วยแก้ปัญหา พัฒนาโครงสร้างสารธารณสุข ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชน" โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า ในส่วนของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ถูกวิจารณ์ว่าแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เช่น เรื่องที่ยืดหยุ่นให้รถตู้เดินรถต่อไปได้นั้น ต้องชี้แจงว่าท่านรัฐมนตรีศักดิ์สยาม เป็นรัฐมนตรีคนหนึ่งที่ทำงานแบบไม่มีวันหยุด ลงพื้นที่ดูแลมอบนโยบายแก้ไขปัญหาจราจรในหลายพื้นที่ ส่วนการแก้ปัญหารถตู้ ที่ท่านรัฐมนตรีไม่ได้บังคับให้เปลี่ยนมาเป็นไมโครบัสทั้งหมด แต่ให้ใช้การสมัครใจ และมีเสียงวิจารณ์ว่าโยนความเสี่ยงให้ประชาชนนั้น เรื่องนี้มีที่มาที่ไป เพราะการแก้ปัญหาต้องคิดถึงใจเขาใจเรา เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ ผู้ประกอบการมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนรถจากรถตู้ไปเป็นรถไมโครบัสที่มีราคาสูง คันละประมาณ 2.2 ล้านบาท จากราคารถตู้อยู่ที่ 1.2-1.3 ล้านบาทต่อคัน หากใช้มาตรการบังคับ หากบังคับให้เปลี่ยน ก็อาจส่งผลให้รถในระบบลดน้อยลง เพราะผู้ประกอบการไม่มีกำลังซื้อรถไมโครบัส อาจจะทำให้ราคาค่าโดยสารแพงขึ้นได้ แล้วจะกระทบต่อค่าครองชีพประชาชนที่ต้องสูงขึ้น 

เมื่อถามว่า มีการมองเป็นการโยนความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยให้ประชาชน พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า การไม่บังคับให้เปลี่ยนรถตู้เป็นไมโครบัส ไม่ใช่เป็นการโยนความเสี่ยงให้ประชาชน แต่เป็นการทำงานแก้ปัญหาอย่างเข้าใจ รู้สภาพความเป็นจริง ของทั้งให้บริการ และผู้รับบริการ ซึ่งท่านรัฐมนตรีไม่ได้ละเลยเรื่องความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้บริการรถสาธารณะเลย ได้มีมีนโยบายชัดเจนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบสมรรถภาพพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศ จำนวน 1.2 ล้านคน และตรวจสภาพรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศจำนวนรวม 1.5 แสนคันใหม่ รวมถึงตั้งจุดตรวจรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศ 245 จุด ตรวจทุกวัน 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเคร่งครัด และ เด็ดขาด

“เห็นได้ว่าการทำงานของรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย มีการคิดวิเคราะห์อย่างรอบด้าน เพื่อลดผลกระทบเชิงลบแก่ทุกฝ่าย ก่อนที่จะดำเนินการจริง รัฐมนตรีภูมิใจไทยทุกคนมีหลักการทำงานที่คิดถึงประชาชนเป็นหลัก ตั้งแต่หัวหน้าพรรค นายอนุทิน เลขาพรรคฯ นายศักดิ์สยาม หรือแม้แต่นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย และน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ต่างก็ยึดหลักการทำงานนี้ ทุกคนตั้งใจทำงาน มีผลงานให้เห็นตามหน้าสื่อตลอดการทำงานที่ผ่านมา” โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :