วันที่ 17 ส.ค. 2565 ที่ห้องแถลงข่าวรัฐสภา มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรื่องการเพิ่มค่าไฟฟ้าขึ้นมาถึง 4.72 บาทต่อหน่วย รวมภาษีมูลค่าเพิ่มขึ้นมาเป็น 5.45 บาทต่อหน่วย โดยหวังว่าจะเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนหมดวาระการดำรงตำแหน่งในสัปดาห์สุดท้าย
มงคลกิตติ์ กล่าวว่า 3 หน่วยงาน ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีกำไรโดยเฉลี่ยถึง 643 พันล้านบาท ถ้าเพิ่มค่าไฟขนาดนี้ พี่น้องประชาชนต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีก กระทบทั้งหมด แต่รัฐบาลกลับผลักภาระให้ประชาชนเพื่อคงกำไรให้รัฐวิสาหกิจ 3 หน่วยงานนี้
มงคลกิตติ์ กล่าวถึงข้อเสนอคือ ให้นายกรัฐมนตรีที่เหลือเวลา 7 วัน สั่งคณะกรรมการทบทวนการขึ้นค่าไฟฟ้าโดยด่วน โดยให้นำเงินกำไรแต่ละปีจาก 3 หน่วยงานเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าแก่ประชาชน และถ้าเงินไม่พอ ให้นำเงินกำไรสะสมทั้ง 3 หน่วยงานมาจ่ายให้
“ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ทำ เท่ากับต้องการบริหารงานเป็นกิจวัตร เมื่อหน่วยงานต้องการกำไร ก็ผลักให้ประชาชนเสียอย่างนั้น การเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีต้องมีสมอง” นายมงคลกิตติ์ กล่าว
มงคลกิตติ์ ยังกล่าวถึงนายกรัฐมนตรีอีกว่า ถ้าไม่ยกเลิก ก็เชื่อว่าอาจยุบสภาฯ ในวันที่ 22 ส.ค. เพื่อรักษาการต่อ แต่ก็เชื่อว่าไม่มีประชาชนหน้าไหนเลือกมาอีกแน่นอน ติดทั้ง 8 ปี และบริหารแบบนี้ด้วย ถ้าทำไม่เป็น ก็สมควรไสหัวกลับบ้านไปได้แล้ว ไม่ต้องเป็นนายกรัฐมนตรี
มงคลกิตติ์ กล่าวถึงกรณีวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า เมื่อเขาระบุ 8 ปีก็ต้องเอา 8 ปี ตะแบงเป็นอย่างอื่นไม่ได้
มงคลกิตติ์ กล่าวว่า ไม่อาจก้าวล่วงการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่านได้ แต่ต้องตัดสินภายใต้กรอบของกฎหมายที่กำหนดอำนาจให้ ถ้าไปตัดสินว่าไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ให้ดำเนินการไปก่อน แล้วหลังวันที่ 24 ส.ค. นายกฯ จะเป็นใคร ทั้งที่ การสิ้นสุดวาระดำรงตำแหน่งนายกฯ เหมือนนายกฯ ตาย ตายแล้วต้องหาใหม่
“คิดว่าหลังวันที่ 24 ส.ค. ผมคงเรียกอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่เรียก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอีกต่อไป”มงคลกิตติ์ กล่าว
มงคลกิตติ์ กล่าวว่า ถ้านายกฯ อยากจะเป็นนายกฯ แล้วไม่มั่นใจว่าศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ท่านก็อาจยุบสภาในวันที่ 22 ส.ค. หลังผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีฯ เพื่อรักษาการต่ออีกหลายเดือน เลื่อนเลือกตั้งได้ด้วยถึง 2 ครั้ง แต่คิดว่าพี่น้องประชาชนไม่ยอมเด็ดขาด และทำให้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญมีปัญหา จนออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ที่ตัวเองได้เปรียบ
“พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยเล่นเกมตามกติกาอยู่แล้ว ชอบต่อยใต้เข็มขัดตลอด คือไม่ใช่ลูกผู้ชาย”
นอกจากนี้ มงคลกิตติ์ ยังกล่าวถึงกรณี พลเอก ประยุทธ์ ลาออกเองว่า ถ้าท่านมีสปิริตอย่างป๋าเปรมนะ ท่านควรลาออก
“ถ้าท่านลาออก ครอบครัวท่านไม่เดือดร้อน ญาติพี่น้องท่านไม่เดือดร้อน แต่ถ้าท่านไม่ลาออกแล้วฝืนอยู่ ตะแบงเอาสีข้างเข้าถู หน้าด้านหน้าทนอยู่ไปเรื่อย ๆ ผมเชื่อว่าท่านจะต้องมีพฤติกรรมคล้ายอดีตประธานาธิบดีศรีลังกาที่ขอลี้ภัยประเทศไทย อีกหน่อยพลเอก ประยุทธ์ จะถูกขับไล่จากคนทั้ง 77 จังหวัด ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ หารูหนีไม่เจอ”