กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุว่า ตนได้เรียกทูตสหรัฐฯ ประจำรัสเซียอย่าง จอห์น ซัลลิแวน เพื่อการหารือในประเด็น “ถ้อยแถลงอันรับไม่ได้ล่าสุด” ของไบเดนต่อปูติน หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เรียกประธานาธิบดีรัสเซียว่าเป็น “อาชญากรสงคราม” เนื่องจากการที่รัสเซียระดมทิ้งระเบิดใส่เมืองต่างๆ ในยูเครนจนประชาชนในพื้นที่ต่างได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
“มันได้ถูกเน้นย้ำว่าถ้อยคำในลักษณะนี้ของประธานาธิบดีอเมริกัน อันไม่คู่ควรกับสถานะของผู้นำรัฐซึ่งมีตำแหน่งที่สูงเช่นนี้ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอเมริกาใกล้จะถึงจุดแตกหัก” กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุกับสหรัฐฯ
สหรัฐฯ และอดีตสหภาพโซเวียตคงสถานะการทูตของตนเองมาตั้งแต่ปี 2486 เลยมาจนถึงช่วงสงครามเย็น ที่ทั้งสองมีการเผชิญหน้ากันในทางอุดมการณ์ทางการเมือง และการเป็นประเทศผู้สนับสนุนการทำสงครามตัวแทน ก่อนที่สหภาพโซเวียตจะล่มลงและกลายสภาพมาเป็นรัสเซียกับประเทศเกิดใหม่อื่นๆ อีกจำนวนมาก อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียกำลังอยู่ในจุดที่ตกต่ำที่สุด หลังจากที่ปูตินได้สั่งการให้มีการรุกรานยูเครนเมื่อ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา
“มันเป็นความทุเรศทุรังจากการได้ยินประเทศที่ออกมาพูดถึง ‘ความเห็นอันไม่เหมาะสม’ เมื่อประเทศเดียวกันนี้เข้าไปมีส่วนในการสังหารคนครั้งใหญ่ รวมถึงการจู่โจมและโจมตีซึ่งส่งผลถึง (ความสูญเสีย) ของชีวิตพลเรือน” เน็ด ไพร์ซ โฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงหลังรัสเซียขู่ว่าจะตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐฯ
ในอีกทางหนึ่ง กระทรวงกลาโหมได้ตอกย้ำคำพูดของไบเดนโดยระบุว่า รัสเซียยังคงเดินหน้าการรุกรานและโจมตียูเครนจนส่งผลให้มีประชาชนจำนวนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ กำลังติดตามเพื่อจับตามอง “หลักฐานที่ชี้ชัดว่ากองทัพรัสเซียกำลังก่ออาชญกรรมต่อมวลมนุษยชาติ”
เมื่อสัปดาห์ก่อน ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเพิ่งออกคำสั่งให้รัสเซียหยุดการรุกรานยูเครนในทันที อย่างไรก็ดี รัสเซียได้ปฏิบัติการทำตามคำสั่งที่ไม่มีผลผูกพันตามกฎหมายดังกล่าว ก่อนที่จะเดินหน้าโจมตียูเครนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อัลแบเนีย ไอร์แลนด์ และนอร์เวย์ ได้ประกาศกล่าวหาว่ารัสเซียกำลังก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติในยูเครนแล้ว
ที่มา:
https://www.ft.com/content/4fe601c9-25e2-48e5-a668-d4fcb34d3afc